Last updated: 1 พ.ค. 2568 | 148 จำนวนผู้เข้าชม |
รถ SUV ถือเป็นรถอเนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลากหลายเเละตอบโจทย์ผู้คนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ผู้ผลิตเองก็เล็งเห็นความต้องการ จึงได้ผลิต SUV เเต่ละรุ่นออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเลือกรถให้เหมาะสมกับการใช้งาน เเละไลฟ์สไตล์นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับปี 2025 มีรถ SUV ขนาดเล็ก อเนกประสงค์รุ่นใหม่ ๆ เปิดตัวพร้อม Feature จัดเต็มมากมาย
ในบทความนี้ APRTECH จะพาคุณไปส่องสเปก SUV ขนาดเล็กน่าซื้อ คัดมา 10 อันดับด้วยกัน จะมีรุ่นไหนบ้างที่เข้าตา ราคาคุ้มค่า น่าใช้ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ ไปดูกันเลย
Porsche Macan รุ่นใหม่ในปี 2025 ยังคงเอกลักษณ์ของ SUV สมรรถนะสูงที่ขับขี่สนุกและหรูหรา ซึ่งได้มีการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบันมากขึ้น โดย Macan ในปี 2025 จะเป็นรุ่นรถที่ใช้ไฟฟ้าล้วน 100% (Fully Electric) ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปอีกต่อไป ซึ่งแตกต่างจากรุ่น Macan ก่อนหน้าที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน โดยรุ่นไฟฟ้านี้จะเเบ่งออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่
Porsche Macan 4 Electric มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 220 กม./ชม. รองรับการชาร์จเร็ว DC โดยสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายใน 21 นาที และวิ่งได้ไกลสุดประมาณ 600 กม. (WLTP) ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
Porsche Macan Turbo Electric ถูกอัปเกรดให้แรงยิ่งขึ้น ด้วยกำลังสูงสุด 639 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 1,130 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 260 กม./ชม. รองรับการชาร์จเร็ว DC เช่นเดียวกัน โดยสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายใน 21 นาที และมีระยะทางวิ่งสูงสุดประมาณ 590 กม. (WLTP)
ราคา:
- Macan 4 Electric ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,390,000 ล้านบาท
- Macan Turbo Electric ราคาเริ่มต้นประมาณ 7,790,000 ล้านบาท
จุดเด่น:
- ดิไซน์ล้ำสมัย รูปทรงสปอร์ตแต่ยังคงเอกลักษณ์ของ Macan พร้อมเส้นสายที่ดูดุดันและล้ำยุคไม่เหมือนใคร
- สมรรถนะเหนือระดับ อัตราเร่งเร็วจัด ขับขี่สนุก ตอบสนองไวตามแบบฉบับ Porsche
- รองรับการเดินทางไกล ระยะทางวิ่งสูงสุดราว 600 กม. ต่อการชาร์จเต็ม ตอบโจทย์ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด
- เทคโนโลยีอัจฉริยะ มีระบบช่วยขับขี่ เช่น Adaptive Cruise Control, ระบบเบรกอัตโนมัติ, และ Porsche Active Suspension Management (PASM)
- ชาร์จไว ใช้งานง่าย รองรับการชาร์จ DC กำลังไฟสูง ทำให้เติมพลังได้รวดเร็ว ประหยัดเวลาเดินทาง ไม่ต้องรอนาน
Macan 2025 คือ SUV หรูที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรถขับสนุก สมรรถนะสูง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วยขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ที่ไร้มลพิษ หากคุณกำลังคิดอยู่ว่า จะเลือกรถ SUV ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ทั้งแรง หรู และล้ำสมัย Porsche Macan อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
BMW X1 เป็น SUV ขนาดเล็กที่น่าสนใจทั้งดิไซน์และสมรรถนะ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ พื้นที่เก็บสัมภาระกว้าง ขับขี่ในเมืองได้สะดวกสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยบริการหลังการขายที่สาวกของแบรนด์พูดเป็นเสียงเดียวกัน และบอกต่อกันแบบปากต่อปาก BMW X1 มีรุ่นย่อย 2 รุ่น ได้แก่
BMW X1 sDrive20i xLine ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Steptronic ขับเคลื่อนล้อหน้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 233 กม./ชม. และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14-15 กม./ลิตร มาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้ว ไฟหน้า Adaptive LED และหน้าจอ BMW Curved Display 10.7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมระบบช่วยขับขี่ BMW Driving Assistant
BMW X1 sDrive20i M Sport ส่วนรุ่นนี้ ใช้เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนเหมือนกัน แต่เพิ่มความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง M Sport ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว และช่วงล่าง M Adaptive ที่ปรับความหนืดของโช้คอัพได้ เสริมพวงมาลัย M Sport ให้การควบคุมที่เฉียบคมขึ้น ทำให้ BMW X1 เป็น SUV ขนาดเล็กที่ขับสนุก มีเทคโนโลยีครบครัน และเหมาะสำหรับคนที่มองหารถขนาดกะทัดรัดที่ใช้งานได้ทั้งในเมืองและเดินทางไกล
ราคา:
- BMW X1 sDrive20i xLine ราคา 2,519,000 บาท
- BMW X1 sDrive20i M Sport ราคา 2,619,000 บาท
จุดเด่น:
- ดิไซน์พรีเมียม สปอร์ต หรูหรา ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในเมืองและเดินทางไกล
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ขับสนุกและประหยัดน้ำมัน
- ระบบช่วยขับขี่ BMW Driving Assistant ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย รวมถึง ไฟหน้า Adaptive LED ทันสมัย ให้แสงสว่างชัดเจน ปรับอัตโนมัติตามสภาพถนน
- รุ่น M Sport มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว พวงมาลัยและช่วงล่าง M Adaptive เพิ่มความรู้มั่นใจ ตอบสนองทันใจ ในทุกการขับขี่
รถ SUV ขนาดเล็กรุ่นถัดมานั่นคือ Honda HR-V e:HEV หน้าหล่อ ดิไซน์สปอร์ตสุดพรีเมียม พื้นที่เก็บสัมภาระให้กว้างและใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งการเดินทางท่องเที่ยวและการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบคนเมือง ในตลาดประเทศไทย มีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ E, EL และ RS
Honda HR-V e:HEV รุ่น E มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 131 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ให้อัตราเร่งตอบสนองรวดเร็วและประหยัดพลังงาน ภายนอกดิไซน์สปอร์ตพรีเมียม กระจังหน้าโครเมียมเสริมความหรูหรา ไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL และไฟท้ายแบบ Full LED ภายในมาพร้อมเบาะผ้าผสมหนังสังเคราะห์ หน้าจอแสดงผลขนาด 4.2 นิ้ว และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ระบบความปลอดภัยจัดเต็มด้วย Honda SENSING ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่
Honda HR-V e:HEV รุ่น EL ยังคงใช้เครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลัง 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ความหรูหราที่เพิ่มขึ้น ด้วยหลังคา Sunroof ไฟฟ้าแบบพาโนรามา ระบบเปิด-ปิดด้วย One-Touch เพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วช่วยเสริมความโดดเด่น ระบบอินโฟเทนเมนต์ใช้หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Honda CONNECT ทำให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
Honda HR-V e:HEV รุ่น RS เป็นรุ่นท็อปที่เน้นดิไซน์สปอร์ตและฟังก์ชันครบครัน ใช้เครื่องยนต์เหมือนกันเป๊ะ พิเศษชุดแต่งสไตล์ RS กระจังหน้าและกันชนหน้าดิไซน์พิเศษ ไฟท้ายแบบสโมคเพิ่มความดุดัน และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม พร้อมเบาะหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยหุ้มหนังสไตล์สปอร์ต ส่วนระบบอินโฟเทนเมนต์มีครบเหมือนรุ่น E เเละ EL ทุกประการ
ราคา:
- Honda HR-V e:HEV รุ่น E เริ่มต้นที่ 979,000 บาท
- Honda HR-V e:HEV รุ่น EL ราคา 1,079,000 บาท
- Honda HR-V e:HEV รุ่น RS ราคา 1,179,000 บาท
จุดเด่น:
- เทคโนโลยีไฮบริด e:HEV & ความปลอดภัยล้ำสมัย ทำให้ประหยัดน้ำมัน แรงบิดดี ขับสนุก พร้อมระบบ Honda SENSING เพิ่มความปลอดภัยทุกการเดินทาง
- ดิไซน์สปอร์ตพรีเมียม & ฟังก์ชันครบครัน กระจังหน้าโฉบเฉี่ยว ไฟท้าย Full LED หลังคา Sunroof ไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น EL และ RS) และภายในกว้างขวางด้วยเบาะ Ultra Seat
- สมาร์ตไลฟ์สไตล์ด้วย Honda CONNECT ควบคุมและตรวจสอบสถานะรถผ่านสมาร์ตโฟน ให้ความสะดวกสบายในทุกการใช้งาน
แบรนด์รถที่ทุกคนคุ้นเคย ซึ่งก็ยังมีรถ SUV อเนกประสงค์ที่เหมาะกับคนเมือง เก็บของได้เยอะ เดินทางได้สะดวก มีมาให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Smart, Premium, เเละ Premium Luxury
Toyota Yaris Cross รุ่น Smart มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-iE ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า และแรงบิด 138 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมันสูง ภายนอกดิไซน์สปอร์ตพรีเมียม มาพร้อมไฟหน้า LED พร้อมไฟ DRL และกระจังหน้าดิไซน์ใหม่ที่เสริมความโฉบเฉี่ยว ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมเบาะผ้าสีทูโทน หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Toyota Safety Sense ครบ
Toyota Yaris Cross รุ่น Premium ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-iE ส่วนให้เเรงม้าเเละเเรงบิดยังคงเท่ากับรุ่นก่อนหน้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จุดเด่นของรุ่นนี้คือความหรูหราที่เพิ่มขึ้น ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ห้องโดยสารตกแต่งพรีเมียมขึ้นด้วยเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ เดินตะเข็บด้ายสีแดง เพิ่มบรรยากาศสปอร์ตหรู พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และหน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ Digital ระบบอินโฟเทนเมนต์รองรับ Toyota Connect สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนเพื่อควบคุมและตรวจสอบสถานะรถได้แบบเรียลไทม์
Toyota Yaris Cross รุ่น HEV Premium Luxury เป็นรุ่นท็อปสุดที่เพิ่มความล้ำสมัยด้วยระบบไฮบริด เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Hybrid Dynamic Force ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวม 111 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยมลพิษ ดิไซน์ภายนอกหรูหราขึ้นด้วยไฟท้าย LED Light Guiding และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารระดับพรีเมียม เบาะหนังสังเคราะห์สีดำลายเฉพาะรุ่น พิเศษพร้อมระบบ Ambient Light ปรับสีไฟในห้องโดยสารได้ ราวกับรถยุโรป ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ครบครัน พร้อมกล้องรอบคันและเซนเซอร์ช่วยจอดอัจฉริยะ
ราคา:
- HEV Smart: ราคา 789,000 บาท
- HEV Premium: ราคา 849,000 บาท
- HEV Premium Luxury: ราคา 899,000 บาท
จุดเด่น:
- เครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวม 111 แรงม้า ประหยัดน้ำมันและลดมลพิษ
- ดิไซน์หรูด้วยไฟท้าย LED Light Guiding, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว และ Ambient Light ภายใน
- ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense พร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา
- สะดวกสบายด้วยเบาะหนังสังเคราะห์, หน้าจอสัมผัส, Apple CarPlay และเซนเซอร์ช่วยจอด
Hyundai Creta เป็น SUV อเนกประสงค์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางไกล ด้วยดิไซน์ทันสมัยและสมรรถนะที่มีความพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และ Feature ที่สะดวกสบายที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่โดย Hyundai Creta มีให้เลือก 2 รุ่นย่อยหลัก คือ รุ่นธรรมดา (Alpha) และ รุ่น N Line
Hyundai Creta รุ่น Alpha รุ่นเริ่มต้น มาพร้อมเครื่องยนต์ Smartstream เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร จับคู่กับระบบเกียร์ IVT (Intelligent Variable Transmission) ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า และแรงบิด 144 นิวตันเมตร ที่ให้สมรรถนะที่ทรงพลัง ตอบสนองได้ดี และประหยัดน้ำมัน อีกทั้งยังมี Feature Drive Mode ให้คุณเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ที่เหมาะสมกับคุณ ในรุ่นนี้ติดตั้ง หลังคาแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) เพิ่มความโปร่งให้ห้องโดยสาร ภายในห้องโดยสารยังมีหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic A/C), ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake with Auto Hold), ระบบควบคุมการทรงตัว (VSM) ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมพวงมาลัยหุ้มหนังที่เพิ่มความหรูหราในการขับขี่
Hyundai Creta รุ่น N Line ดิไซน์สปอร์ตเฉพาะรุ่น N Line โดดเด่น มีความต่างกันอย่างชัดเจนด้วย ไฟหน้า Quad Beam LED พร้อมไฟ Horizon LED Positioning Lamp และ Daytime Running Lights (DRLs) เสริมความดุดันด้วย กระจังหน้าสีดำสไตล์สปอร์ต (Sporty Black Radiator Grille) ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดิไซน์ Diamond Cut พร้อมโลโก้ N และคาลิปเปอร์เบรกสีแดง เสริมลุคสปอร์ตให้คุณพร้อมออกไปโลดแล่นบนท้องถนนอย่างมีสไตล์ ในรุ่น N Line ได้ความสปอร์ตเต็มคัน ทั้งวัสดุ, สี, ตะเข็บแดง, พวงมาลัย, คันเกียร์, เบาะ, คันเร่ง และยังได้ระบบเสียงลำโพง BOSE 8 ตัวและจอขนาด 10.25 นิ้ว รวมถึงฟังก์ชัน Wireless CarPlay เฉพาะรุ่นนี้
ราคา:
- Hyundai Creta รุ่น Alpha ราคา 929,000 บาท
- Hyundai Creta รุ่น N Line ราคา 1,199,000 บาท
จุดเด่น:
- Cooling Glove Box ช่องเก็บของด้านหน้า พร้อมระบบรักษาอุณหภูมิ
- เทคโนโลยีอัจฉริยะเเละระบบความปลอดภัยจัดเต็ม จาก Hyundai SmartSense ครบ
- ขนาดของตัวรถเทียบกับคู่เเข่งมีขนาดที่ได้เปรียบ คล่องตัวกว่า
Mazda CX-3 ถือเป็นรถ SUV ขนาดเล็กที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งคุณสามารถเห็นได้โดยทั่วไป เนื่องจากได้รับความนิยมมาก ด้วยดิไซน์ที่ทันสมัย เเต่ยังโฉบเฉี่ยว ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองเป็นอย่างมาก ในทุกรุ่นมาพร้อม เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.0 DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว เเละระบบเกียร์ Skyactiv-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Activematic ตอบสนองได้ดั่งใจ มีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่
Mazda CX-3 รุ่น Base เป็นรุ่นพื้นฐาน น้องเล็กสุด มาพร้อมระบบเบรคมือไฟฟ้า Auto Hold ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว มีระบบ Cruise Control, ระบบ Smart Keyless Entry, ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ Push Start Button ให้ตั้งเเต่รุ่นเริ่มต้น มีกล้องมองหลัง หน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว แบบสัมผัสได้ พร้อมรองรับ Apple Carplay เเละ Android Auto ตามสมัย
Mazda CX-3 รุ่น Base Plus สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น Base คือ ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เช่น ปรับไฟ, เปิดไฟ, ปัดน้ำฝน เเละการปรับไฟสูงอัตโนมัติ มาพร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน สุดท้าย คือ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ
Mazda CX-3 รุ่น Comfort สิ่งที่เพิ่มมาจากรุ่น Base Plus คือ กันชนหน้าเเละเเผงกันกระเเทกด้านข้าง ตกเเต่งด้วยโครเมียม ขนาดล้อใหญ่ขึ้น เป็น 18 นิ้ว พร้อมหลังคา Sunroof แบบไฟฟ้า ระบบกะระยะทั้งหน้าเเละหลัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้าเเละม่านนิรภัย เสริมความปลอดภัยอีกขั้น ด้วยระบบเเจ้งเตือนรถในมุมอับสายตา
Mazda CX-3 รุ่น Sport Luxe เป็นรุ่นท็อปสุด สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น Comfort คือ ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED เกียร์แบบสปอร์ต Sports Paddle Shift เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เพิ่มจอเเสดงผลหน้าคนขับ พร้อมระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ Stop & Go ระบบช่วยเตือนคนขับเหนื่อยล้า ระบบกันชนหน้า ช่วยเบรกอัตโนมัติ เเละระบบช่วยหยุดรถขณะถอย
ราคา:
- Mazda CX-3 รุ่น Base ราคา 770,000 บาท
- Mazda CX-3 รุ่น Base Plus ราคา 830,000 บาท
- Mazda CX-3 รุ่น Comfort ราคา 900,000 บาท
- Mazda CX-3 รุ่น Sport Luxe ราคา 970,000 บาท
จุดเด่น:
- ขนาดคล่องตัว เข้า-ออก ทางเเคบได้สะดวก เหมาะกับคนเมือง
- เครื่องยนต์เบนซิน Sky Active ที่เป็นเอกลักษณ์ ขับสนุก
- ดิไซน์พรีเมียม ให้ความรู้สึกหรูหรา วัสดุคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้
MG ZS เป็น SUV ขนาดเล็กอีกแบรนด์ไม่พูดถึงไม่ได้ ด้วยออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วยดิไซน์สปอร์ต ทันสมัย และฟังก์ชันอัจฉริยะที่ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น เพราะมีระบบสั่งงานด้วยเสียง i-SMART ที่รองรับภาษาไทย หรือหน้าจอสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน อีกทั้งยังมาพร้อมสมรรถนะที่ดีและระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป
MG ZS มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันในด้านอุปกรณ์และ Feature เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย โดยมีรายละเอียดดังนี้
MG ZS รุ่น D เป็นรุ่นพื้นฐานของทุกรุ่น ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์ 15S4C เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VTi-TECH 1.5 ลิตร แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที มาพร้อม เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม Manual Mode 8 Speeds ขับเคลื่อนล้อหน้า ควบคุมรถง่าย ขับสนุก เเต่ในรุ่นเริ่มต้นไม่มีหลังคา Sunroof เเละระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control น่าเสียดายมาก แต่โชคดีที่ทุกรุ่นรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto
MG ZS รุ่น X สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมา คือ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และหลังคากระจก Panoramic Sunroof ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ด้านเทคโนโลยี เพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) รุ่น X ขึ้นไป ทำให้การขับขี่ทางไกลสะดวกขึ้น ในส่วนของความปลอดภัย รุ่นนี้มาพร้อม ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) ที่ช่วยให้ขับขี่ได้มั่นใจยิ่งขึ้น
MG ZS รุ่น V รุ่นท็อปสุด จะมีส่วนที่เเตกต่างกันเล็กน้อย คือ การเพิ่มระบบอัตโนมัติเข้ามาที่รุ่นอื่นไม่มี เช่น ระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบลมยาง TPMS เเละระบบ i-Smart ซึ่งเป็นระบบสั่งการอัจฉริยะที่มีเฉพาะในรุ่นนี้เท่านั้น
ราคา:
- MG ZS รุ่น D ราคา 599,000 บาท
- MG ZS รุ่น X ราคา 649,000 บาท
- MG ZS รุ่น V ราคา 689,000 บาท
จุดเด่น:
- เทคโนโลยีล้ำสมัย i-SMART สั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย สั่งรถได้ เช่น เปิด-ปิด หรือ ควบคุมการนำทาง
- ความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป พร้อมถุงลมนิรภัย 6 จุด เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง เป็นสิ่งที่เเบรนด์อื่นทำได้ยาก
เเม้จะมีการเเข่งขันกันอย่างดุเดือด เเต่ชื่อนี้ก็ยังคงอยู่ในใจคนไทยเสมอมา เมื่อพูดถึงรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน เเละสมรรถภาพที่ไม่เป็นรองใครเเละทาง Nissan เองก็ยังมีตัวเลือกที่เป็น SUV ขนาดเล็ก ปั่นไฟเองได้ แบบไม่ต้องเสียบปลั๊ก แถมยังเติมน้ำมันได้อีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จรอชาร์จนาน ซึ่ง Nissan Kicks e-Power มีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่
Nissan Kicks e-Power รุ่น E รุ่นเริ่มต้น ที่ให้ความคุ้มค่าด้วย Feature มาตรฐานที่ครบครัน เช่น ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL), พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ ปรับระดับได้, หน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว, ระบบเบรก ABS, EBD, BA, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และ เทคโนโลยีเตือนการชนด้านหน้า (IFCW) และช่วยเบรกฉุกเฉิน (IEB) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่
Nissan Kicks e-Power รุ่น V รุ่นกลาง สิ่งที่เติมขึ้นมา คือ ความสะดวกสบายและระบบช่วยในการขับขี่มากขึ้น เช่น ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, วัสดุหุ้มเบาะหนังสีดำทูโทน, หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) และ ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุที่เคลื่อนไหว (MOD) ทำให้การขับขี่ปลอดภัยและสะดวกยิ่งขึ้น
Nissan Kicks e-Power รุ่น VL รุ่นท็อปมาตรฐานที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูง อาทิ กระจกมองหลังอัจฉริยะ (IRVM), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (LDW), ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (BSW), ระบบช่วยเตือนและเบรกขณะถอย (RCTA และ RCTB) และ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICC) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่
Nissan Kicks e-Power รุ่น AUTECH รุ่นพิเศษ มาพร้อมการตกแต่งพรีเมียมและเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมี ชุดแต่งสเกิร์ตหน้า ข้าง และหลัง สีเงินเมทาลิค, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำเงา, กระจกมองข้างสีเงินเมทาลิค ปรับและพับด้วยไฟฟ้า และ ภายในตกแต่งด้วยโทนสีดำ-น้ำเงินเฉพาะรุ่น AUTECH ทำให้รถดูโดดเด่นและหรูหรายิ่งขึ้น พร้อมระบบความปลอดภัยที่จัดเต็ม
Nissan Kicks e-POWER เป็น SUV ขนาดกะทัดรัดที่ใช้เทคโนโลยี e-POWER ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ เพราะมีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร (HR12DE) ทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ เติมเต็มประสบการณ์ขับขี่ที่เงียบ แรง และประหยัดน้ำมัน ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 23.8 กม./ลิตร ในด้านสมรรถนะ ทุกรุ่นใช้มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 ให้พละกำลัง 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังสู่ล้อหน้าผ่านระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ มีโหมดขับขี่ให้เลือก ได้แก่ Normal, S, Eco และ EV Mode พร้อมระบบ One-Pedal Driving ที่ช่วยให้สามารถเร่งและชะลอรถได้ด้วยคันเร่งเดียว เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่
ราคา:
- Nissan Kicks e-Power รุ่น E ราคา ราคา 779,900 บาท
- Nissan Kicks e-Power รุ่น V ราคา 849,900 บาท
- Nissan Kicks e-Power รุ่น VL ราคา 919,900 บาท
- Nissan Kicks e-Power รุ่น AUTECH ราคา 979,900 บาท
จุดเด่น:
- เทคโนโลยี e-POWER ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องเสียบชาร์จ เพราะใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟให้แบตเตอรี่เเทนการชาร์จ
- โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ปรับได้ 4 โหมด ได้แก่ Normal, S, Eco และ EV
- ระบบความปลอดภัย Nissan Intelligent Mobility ครบครัน เช่น ระบบเตือนการชน, ระบบเตือนจุดอับสายตา และกล้อง 360 องศา
หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรถ SUV ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 แบรนด์รถอย่าง BYD ที่เปิดตัวมาไม่นานแต่เป็นกระแสและโด่งดังมาก อาจเป็นหนึ่งในคำตอบของคุณ ตัวเเทนจากแดนมังกร ได้ส่งรถรุ่นนี้ นั่นคือ BYD Atto 3 มาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งเป็น SUV ขนาดเล็กอเนกประสงค์ ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว มาพร้อมเครื่องยนต์ไฟฟ้า 100% ตามเทรนด์ปัจจุบัน มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อหน้า มีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น สิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ กำลังสูงสุด 150 kW (กิโลวัตต์) แรงบิด 310 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ให้ระบบช่วงล่างเเละพวงมาลัยที่เหมือนกัน ต่างกันที่ขนาดล้อในบางรุ่น รายละเอียดดังนี้
BYD Atto 3 รุ่น Dynamic รุ่นพื้นฐานที่ให้มาค่อนข้างครบอยู่เเล้ว ความจุแบตเตอรี่ 50.25 (กิโลวัตต์ - ชั่วโมง) ล้อขนาด 17 นิ้ว อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.9 วินาที ระยะทางวิ่งได้สูงสุด คือ 410 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC Mode
BYD Atto 3 รุ่น Premium สิ่งที่เเตกต่างจากรุ่น Dynamic คือ ขนาดล้อ 18 นิ้ว หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดียขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ชุดเครื่องเสียง Dirac HD Sound พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่งระบบกรองอากาศ CN95 Fliter เเละ Ambient Light ที่ปรับตามจังหวะได้
BYD Atto 3 รุ่น Extended รุ่นตัวท็อปสุด สิ่งที่เพิ่มเติมมา คือ ความจุแบตเตอรี่ 60.48 (กิโลวัตต์ - ชั่วโมง) ล้อขนาด 18 นิ้ว อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.3 วินาที ระยะทางวิ่งได้สูงสุด คือ 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC Mode เรียกได้ว่าทั้ง 3 รุ่นมีความเเตกต่างกันไม่มาก เเละส่วนที่เเตกต่างไม่ได้ส่งผลต่อการขับขี่เเต่อย่างใด
นอกจากนี้ BYD Atto 3 ทุกรุ่นมาพร้อม ระบบความปลอดภัยขั้นสูงครบครัน รวมถึง ถุงลมนิรภัยรอบคัน, ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ BYD DiPilot, กล้องมองรอบคัน 360 องศา, เซนเซอร์รอบคัน, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB), ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC-S&G) และ ระบบช่วยเตือนการชนทั้งด้านหน้า-หลัง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจสูงสุดในการขับขี่
ราคา:
- BYD Atto 3 รุ่น Dynamic ราคา 899,000 บาท
- BYD Atto 3 รุ่น Premium ราคา 949,000 บาท
- BYD Atto 3 รุ่น Extended ราคา 1,049,900 บาท
จุดเด่น:
- เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเเละระบบความปลอดภัยที่จัดเต็ม ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (ADAS) มี Feature อัจฉริยะ เช่น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB), ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ACC), เตือนจุดอับสายตา (BSD) รวมถึงระบบกรองอากาศ PM2.5 ที่ไม่มีในรถคู่เเข่ง
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่เพียงพอต่อการใช้งาน 410-480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ
- ดิไซน์ที่ไม่เหมือนใครเเละแปลกตา ภายนอกโฉบเฉี่ยว ภายในสไตล์ "Muscle Aesthetics" แรงบันดาลใจจากฟิตเนส
ส่งท้ายด้วยรถ SUV ขนาดเล็กจากแดนปลาดิบ เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาพร้อมเครื่องยนต์สันดาป เบนซิน 4 สูบ Boxer ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 194 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 345 ลิตร เก็บของได้เหลือ ๆ ซึ่งในปี 2025 Subaru XV มีจำหน่ายเพียงรุ่นเดียว คือ Subaru XV 2.0 i-P EyeSight AWD เทคโนโลยีเเละระบบความปลอดภัยที่ให้มาครบ ถือเป็นรถที่คล่องตัว พร้อมความปลอดภัยเเละการยึดเกาะถนนที่ขึ้นชื่อ
ราคา:
Subaru XV 2.0 i-P EyeSight AWD ราคา 1,055,000 บาท (ไม่รวมอุปกรณ์ตกแต่ง)
จุดเด่น:
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical AWD ที่ช่วยให้ยึดเกาะถนนดีเยี่ยม
- เครื่องยนต์ Boxer ที่ช่วยให้ศูนย์ถ่วงต่ำ ให้ความรู้สึกขับขี่ได้อย่างมั่นคง
- ระบบกันสะเทือนแบบรองรับการขับขี่ทุกสภาพถนน (Dual-Function X-MODE)
รถ SUV ขนาดเล็ก ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวและความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล สิ่งสำคัญคือการเตรียมรถให้พร้อมอยู่เสมอ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK ที่ช่วยให้แบตเตอรี่รถของคุณสมบูรณ์ พร้อมออกเดินทางรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกเมื่อ
เคยเจอปัญหาจอดรถไว้นาน พอจะใช้งานกลับสตาร์ทไม่ติดไหม? สาเหตุหลักมาจากแบตเตอรี่เสื่อม เพราะแม้รถจะจอดนิ่ง ระบบต่าง ๆ อย่างประตู ระบบกันขโมย และนาฬิกายังคงใช้พลังงานอยู่ และแบตเตอรี่ก็คายประจุอยู่ตลอดตามธรรมชาติ เพียงไม่กี่เดือน ก็ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด แบตฯ เสื่อม สุดท้ายต้องเสียเงินและเวลาเรียกช่างมาเปลี่ยนแบตฯใหม่ แต่ปัญหานี้ป้องกันได้ง่าย ๆ แค่ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK จากสวีเดน ที่ช่วยดูแลแบตเตอรี่ให้ไฟเต็มอยู่ตลอด เป็นการช่วยยืดอายุแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่ายาวนาน CTEK จากสวีเดนใช้งานง่าย ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่าง ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก แค่เสียบกับปลั๊กไฟบ้าน แล้วคีบหัวชาร์จกับขั้วแบตเตอรี่รถ ปล่อยทิ้งไว้ CTEK มีระบบตัดไฟเองเมื่อชาร์จเต็ม เพียงดูเเลแบตฯ ให้ดีก็ไม่ต้องเปลี่ยนแบตบ่อยแล้ว ทำให้ CTEK เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก
ดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ด้วย เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถ CTEK จากสวีเดน ที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตฯ ให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:
- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ชาร์จเต็มแล้วตัดไฟอัตโนมัติ
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- ไม่ต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ ไม่ต้องยกแบตฯ ออกจากรถ
- รับประกัน 5 ปี
ควรชาร์จแบตเตอรี่ด้วย CTEK เป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง
ให้รถคันโปรดของคุณพร้อมใช้งานเสมอ แม้ไม่ได้ขับออกไปไหนบ่อย ๆ สั่งซื้อเลยวันนี้!
30 เม.ย 2568