10 Compact SUVs งบ 1.5 ล้าน! รุ่นไหนตอบโจทย์ที่สุด

Last updated: 28 พ.ค. 2568  |  109 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Compact SUVs งบ 1.5 ล้าน!

ในปัจจุบัน หลายคนมีเป้าหมายในการเลือกรถที่แตกต่างกัน บางคนให้ความสำคัญกับรสนิยมหรือสมรรถนะ ขณะที่อีกหลายคนเน้นการใช้งานที่ตอบโจทย์ เช่น การบรรทุกของจำนวนมาก หรือใช้เป็นรถครอบครัวสำหรับเดินทาง อีกทั้งเมืองใหญ่หลายแห่งเริ่มมีพื้นที่จอดรถจำกัด รถ Compact SUVs ซึ่งมีขนาดกะทัดรัดและประหยัด จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถใหม่
 
แม้รถกลุ่มนี้จะขึ้นชื่อว่าใช้งานอเนกประสงค์และราคาจับต้องได้ แต่ก็มีบางแบรนด์ที่พัฒนาให้กลายเป็นรถระดับ Hi-End เช่น Porsche Macan ที่ผสมผสานความสปอร์ตทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะ แต่อาจมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไปในตลาดพอสมควร

หากกำลังวางแผนว่าจะซื้อรถ Compact SUV รุ่นไหนดี ที่ราคาไม่สูงจนเกินไป แต่ยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ครบถ้วนสำหรับการใช้งาน ในบทความนี้ APRTECH ขอแนะนำ 10 รถ Compact SUVs ในงบไม่เกิน 1.5 ล้านบาท พร้อมข้อดีและคุณสมบัติเด่น เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
 

Compact SUVs คืออะไร?

Compact SUV (Compact Sport Utility Vehicle) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดเล็ก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า รถยนต์อเนกประสงค์ 5 ประตู เป็นยานพาหนะที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานคล้ายรถตู้ แต่มีความสวยงามแบบรถสปอร์ตซีดาน ในด้านขนาดจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Mid-Sized SUVs กับ Mini SUVs

โดยรถชนิดนี้ ได้รับความนิยมในไทยจากขนาดที่ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป มีฟีเจอร์การใช้งานครบครัน ไม่ว่าจะการบรรทุกของ จำนวนที่นั่ง รวมถึงสมรรถนะที่ยืดหยุ่น ทั้งการขับบนถนนทางเรียบในเมืองและทางขรุขระ สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ ไปจนถึงถนนเปียกและเนินขึ้นเขา สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือการประหยัดน้ำมันมากกว่า SUV ขนาดปกติ แต่ยังเป็นรองรถ Hatch Back ที่เบาและต้านลมน้อยกว่า

 

10 รถ Compact SUVs ที่น่าสนใจในงบไม่เกิน 1.5 ล้าน

1. Toyota Corolla Cross

หนึ่งในโมเดลรถขายดีของ Toyota ที่ราคาน่าจับตามอง ที่ครบครันทั้งดีไซน์สปอร์ตที่โดดเด่น และความอเนกประสงค์สไตล์รถครอบครัว โดยรุ่นของปี 2024 ได้มีการปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกภายใน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายในห้องโดยสาร

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 999,000 บาท
  • ฟังก์ชัน: กระจกไฟฟ้า 4 บาน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ, ประหยัดพลังงาน มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาป และ Hybrid, ระบบการออกตัวทางลาดชัน HAC, ปรับจูนกล่อง ECU และองศาการจุดระเบิดใหม่, ถุงลมนิรภัยระบบ SRS, ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH
  • จุดเด่น: กระจังหน้าไร้กรอบดูทันสมัย, ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว, ขดลวดไฟฟ้าแรงต้านไฟต่ำ ประจุไฟฟ้าได้เต็มกำลังกว่าเดิม (สำหรับรุ่น Hybrid)

 

2. Honda WR-V

Honda WR-V

 

สำหรับคันนี้ ถือเป็นรถ SUV ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว ขับสนุก ลุยได้ทุกไลฟ์สไตล์ทั้งในและเมือง พร้อมพื้นที่ภายในกว้างขวาง ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ผสานเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดี 16.7 กม./ลิตร มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 799,000 บาท
  • ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 121 แรงม้า ประหยัดน้ำมัน รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือก E20, เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ตอบสนองได้ดี, มาพร้อมระบบความปลอดภัย Honda SENSING ทำงานร่วมกับกล้องของรถ, หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง
  • จุดเด่น: ตัวรถกะทัดรัด แต่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง, ขับสนุกทั้งในและนอกเมือง ขับขึ้นลงเนินได้สบาย, ใช้งานง่าย สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าด้วยกุญแจรีโมต

 

3. Honda HR-V

Honda HR-V

 

รถ SUV ขนาดกะทัดรัด โมเดลจากปี 2024 ที่ยกระดับดีไซน์ให้มีความสปอร์ตขึ้นกว่าโมเดลปีก่อนหน้า ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะและความประหยัดได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง และการบุกันเสียงที่เงียบกว่าเดิม ช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่เพิ่มความเสถียร มาพร้อมกับ Honda SENSING ระบบช่วยขับขี่ที่ปลอดภัยขึ้น

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 890,000 บาท
  • ฟังก์ชัน: ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว, สลับโหมดการทำงานได้ 3 แบบ EV Drive, Hybrid Drive, และ Engine Drive, มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ECON (แบบประหยัด), Normal (ปกติ), และ Sport (แบบสปอร์ต), Honda SENSING ระบบความปลอดภัย ทำงานร่วมกับกล้องหน้ารถ ให้ทุกการขับขี่สบายใจ, เบาะนั่งอเนกประสงค์ (Magic Seats) พับได้ 60/40 ปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • จุดเด่น: ห้องโดยสารบุเก็บเสียงได้ดีกว่ารุ่นก่อน, ให้สมรรถนะพร้อมกับความประหยัดด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto, หลังคากระจกพาโนรามา เพิ่มความโปร่งและหรูหรา

 

4. Mazda CX-5

โมเดลใหม่ล่าสุดของปี 2025 ที่เน้นความพรีเมี่ยมทั้งภายนอกและภายใน มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร และ ดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร เทอร์โบคู่ โดยในรุ่นดีเซลจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน i-ACTIV AWD ช่วยในการยึดเกาะถนน นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่มีการเตือนอันตรายมากถึง 15 รูปแบบ

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 1,219,000 บาท
  • ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร 165 แรงม้า และ ดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร เทอร์โบคู่ 190 แรงม้า, มีระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE, เพิ่มความสนุกในการขับขี่ด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย, ท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี
  • จุดเด่น: ดีไซน์ภายนอกและภายในหรูหรา มากับกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ในเครื่องยนต์ดีเซล เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่, G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ปรับแรงบิดเครื่องยนต์และเบรกให้การเข้าโค้งเสถียรและนุ่มนวล, ใช้วัสดุซับเสียงและกระจก Acoustic Glass ลดเสียงรบกวนจากภายนอก, ระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่งรอบทิศทาง

 

5. Mazda CX-30

รุ่นนี้มาพร้อมกับรางวัล 1 ใน 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ปี 2020 มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ประหยัดน้ำมันสูงถึง 16.4 กิโลเมตรต่อลิตร และยังยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ด้วย  i-Activsense ที่ช่วยปกป้องรถรอบคัน ในดีไซน์ที่คงความสปอร์ตที่เรียบง่าย มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง เติมเต็มความบันเทิงด้วยลำโพง 12 จุดรอบคันจาก Bose

  • ราคา: ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท
  • ฟังก์ชัน: ครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT และระบบไอเสีย 4-2-1 พร้อม ระบบ i-STOP, ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย SPS รุ่น 2.0s ตอบสนองได้รวดเร็ว, ระบบคุมพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 145 กม./ชม., รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
  • จุดเด่น: เพิ่มสีใหม่ Platinum Quartz พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps)​, ระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่งรอบทิศทาง, เซนเซอร์กะระยะหน้าและหลัง มาพร้อมกล้องมองหลัง และระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยว AFS

 

6. Suzuki XL

สำหรับรถรุ่นนี้ เป็น SUV เครื่องยนต์ Hybrid ที่สามารถจุผู้โดยสารเยอะถึง 7 ที่นั่ง กว้างขวางทั้งการเข้าออกและขนของ ตัวรถยกสูง ให้มุมมองการขับขี่ที่ดี ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส K15B ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และมอเตอร์ Integrated Starter Generator ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนความจุ 12Ah อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร ทำงานด้วยระบบ Smart Hybrid ช่วยเสริมพละกำลังในช่วงเร่งออกตัว 

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 799,000 บาท
  • ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับระบบ Integrated Starter Generator (ISG) และแบตเตอรี่ Lithium-ion ช่วยประหยัดน้ำมันถึง 19.2 กม./ลิตร, โครงสร้างตัวถัง HEARTECT แข็งแรง น้ำหนักเบา พร้อมระบบกันสะเทือนที่รองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS และ EBD รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP), ระบบความปลอดภัยรอบด้าน ทั้งโครงสร้างและในการขับขี่ ทั้งตัวถัง TECT หรือระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer เป็นต้น
  • จุดเด่น: กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว, รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง พร้อมเบาะนั่งที่ปรับพับได้หลายรูปแบบ เพื่อความยืดหยุ่นในการจัดเก็บสัมภาระ, ระบบ Smart Hybrid ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน

 

7. MG HS

รถ Compact SUVs รุ่นที่ 2 ของซีรีส์ มีทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ 169 แรงม้า และแบบ Plug-in Hybrid พลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 92 แรงม้า ที่มีระบบ Hybrid รองรับ เพื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ 142 แรงม้า เพิ่มกำลังได้สูงสุด 284 แรงม้าเมื่อทำงานร่วมกัน พ่วงด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ MG Pilot Package และกล้องมองรอบทิศ 360 องศา

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท
  • ฟังก์ชัน: มีทั้งแบบเคลื่อนเบนซินล้วนพ่วงเทอร์โบ 169 แรงม้า และ Plug-in Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ MG Pilot Package, กล้องมองรอบทิศ 360 องศา, มีระบบนำทางแบบ AR, เบาะคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้า
  • จุดเด่น: ดีไซน์แบบสปอร์ตพรีเมี่ยม สวยงามหรูหรา ภายใต้แนวคิด Brit Dynamic, แบบ Plug-in Hybrid วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนไกลสุด 120 กิโลเมตร, ไอเสียต่ำเพียง 36 กรัม/กิโลเมตร, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อม PADDLE SHIFT

 

8. Toyota C-HR HEV GR Sport

ถือเป็นรุ่นที่เน้นการมอบประสบการณ์สปอร์ตเป็นพิเศษ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Hybrid 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 1,798 ซีซี 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 72 แรงม้า ที่สามารถทำเพิ่มกำลังได้สูงถึง 122 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกัน คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับเชื้อเพลิงทางเลือก E20 ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 19.9 กม./ลิตร ทั้งการวิ่งแบบในและนอกเมือง ช่วงล่างปรับจูนใหม่ ที่มาพร้อมกับช่วงล่างหลังอิสระบบปีกนกคู่ ช่วยในการเข้าโค้ง ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม พร้อมความปลอดภัยด้วยระบบ Toyota Safety Sense ทำให้ครบเครื่องทั้งความเร้าใจแบบสปอร์ต ที่ควบคู่กับความปลอดภัยและความประหยั

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 1,139,000 บาท 
  • ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์ Hybrid 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 1,798 ซีซี 98 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 72 แรงม้า, รองรับเชื้อเพลิงทางเลือก E20, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ช่วยในการจอดรถในพื้นที่จำกัด, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมแยกซ้ายขวา พร้อมระบบกรองอากาศ Nanoe
  • จุดเด่น: ชุดแต่ง GR Sport รอบคัน กระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีดำเงา และโลโก้ GR, ระบบช่วงล่างปรับแต่งด้วยคอยล์สปริงและช็อคแอบซอร์บเบอร์เฉพาะรุ่น GR Sport กับช่วงล่างหลังอิสระแบบปีกนกคู่ เพื่อการทรงตัวและการเข้าโค้ง, เสริมความปลอดภัยด้วย Toyota Safety Sense, ด้วยระบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้มากถึง 19.9 กม./ลิตร ในการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง

 

9. MG VS HEV

รถอเนกประสงค์แบบ Hybrid ที่มาพร้อมกำลังสูงสุด 117 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ 15S4C DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า มาพร้อมโหมด Kinetic Energy Recovery System (KERS) เปลี่ยนพลังงานจลน์ขณะชะลอรถ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตร/ลิตร โดยดีไซน์ของรถนั้นจะยึดแนวคิด ABSOLUTE ที่ฉีกตัวตนออกจากมิติของ SUV เดิม ๆ พร้อมประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจจากแนวคิด BRIT DYNAMIC 

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 699,000 บาท บาท
  • ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์ 15S4C DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า, มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบเบรก ABS EBD ระบบควบคุมการทรงตัว ESP และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบปรับอากาศดิจิตอลพร้อมกรอง PM 2.5
  • จุดเด่น: กระจังหน้า Electrified Matrix Grille Design พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และ Aero Wheel Cover ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์, ระบบปฏิบัติการ i-SMART รองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย และฟังก์ชัน Digital Key รับ-ส่งกุญแจดิจิทัลผ่านสมาร์ตโฟน, Kinetic Energy Recovery System ช่วยชาร์จพลังงานไฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ได้ 3 ระดับ

 

10. Haval Jolion

Compact SUV ระบบ Hybrid จากเครือ GWM มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า อีกทั้งระบบเกียร์ DHT รองรับระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย คุมความนิ่งและเสถียรด้วยช่วงล่างด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) และทอร์ชันบีม สำหรับช่วงหลัง (Vertical Arm Torsion Beam) ในด้านดีไซน์นั้นสร้างความเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้า Star Matrix และไฟหน้าอัจฉริยะ สามารถเปิดปิดอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์ด้านหน้า 6 จุดเพื่อความปลอดภัย พร้อมกล้องหน้าที่กระจังหน้าและหลังกระจก

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 799,000 บาท 
  • ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า,  โหมดการขับขี่หลากหลาย สามารถเลือกได้ตามถนนและสไตล์การขับขี่, ฟีเจอร์ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติทั้งหน้าและหลัง พร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM2.5
  • จุดเด่น: การออกแบบผสมผสานความหรูหราและสปอร์ต ด้วยกระจังหน้า Star Matrix พร้อมไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ปลอดภัยด้วยระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า, ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา, ระบบความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและเชื่อมต่อได้ผ่านแอปพลิเคชัน

 

เหตุใดรถยนต์ Compact SUVs ถึงได้รับความนิยม?

  • ความอเนกประสงค์

โดยทั่วไปแล้ว รถ SUV ถูกออกแบบมาให้มีความสปอร์ตและหรูหราของรถซีดาน แต่สามารถใช้สอยได้ทั้งการบรรทุกสิ่งของและผู้โดยสารแบบรถตู้ ทำให้เป็นรถที่มีความอเนกประสงค์ สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย และสามารถขับขี่ได้ทั้งทางเรียบในเมือง ทางขรุขระ และทางลาดชันต่าง ๆ

  • ความคล่องตัว

เพราะมีโครงสร้างเล็กและเบากว่า ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองซึ่งมีพื้นที่จำกัด ทั้งการหาที่จอด การขับขี่ในเมืองที่แออัด ไปจนถึงการเข้าถึงซอกซอย แต่อาจจะทำได้ไม่เท่ากับ Mini SUV ที่มีขนาดเล็กกว่า

  • สมรรถนะที่หลากหลาย

สำหรับประสิทธิภาพเครื่องยนต์นั้น ถือว่ามีตัวเลือกอยู่มากมายในตลาดรถประเภทนี้ ทั้งรถสันดาปล้วน, เครื่องยนต์ไฮบริด และไฟฟ้าแบบ 100% จากการออกแบบรถเพื่อใช้งานแบบอเนกประสงค์ ทำให้สมรรถนะเครื่องยนต์ที่ใช้นั้นมีพละกำลังมากพอจะขับเคลื่อนได้เกือบจะทุกสภาพถนน และสามารถรับน้ำหนักผู้โดยสารและสิ่งของที่มากได้เป็นอย่างดี

  • ดีไซน์ทันสมัย

เพราะเป็นลูกผสมของรถซีดาน ทำให้รถ SUV ในตลาดหลาย ๆ แบรนด์ สามารถออกแบบให้มีความสวยงามและทันสมัยได้ จะเห็นได้ว่ามีหลาย ๆ โมเดล ที่เน้นการดีไซน์แบบรถสปอร์ต ไม่ว่าจะชุดบอดี้ภายนอก หรือภายในห้องโดยสาร โดยที่ไม่กระทบต่อการใช้สอยและประสิทธิภาพในการขับขี่

 

เลือก Compact SUVs อย่างไรให้ตอบโจทย์?

  • พิจารณาขนาด: เราจะต้องดูว่าตัวรถนั้นตรงกับความต้องการของเราในด้านไหนบ้าง ทั้งจำนวนคนในครอบครัว, ขนาดที่จอด หรือใช้ขนของอะไรบ่อย ๆ
  • พิจารณาสมรรถนะ: กำลังและชนิดของเครื่องยนต์ มีผลกับการตัดสินใจเลือกรถยนต์เสมอ เพราะจะช่วยให้เราเลือกได้ว่ารถคันไหนเหมาะสมกับการใช้งานของเรา ทั้งในเรื่องแรงม้า, การควบคุม, การเกาะถนน โดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและพลังงาน ที่จะกลายเป็นตัวกำหนดปริมาณรายจ่ายในระยะยาว
  • พิจารณาฟังก์ชันการใช้งาน: รถ Compact SUVs แต่ละรุ่นจะมาพร้อมกับฟังก์ชันที่แตกต่างกัน และก็มีหลาย ๆ อย่างที่จำเป็นต้องจะต้องมีในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องบันทึกหน้ารถ, กล้องมองหน้าหลัง, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ ไปจนถึงเซนเซอร์ความปลอดภัยต่าง ๆ
  • พิจารณางบประมาณ: ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเงินดาวน์หรือค่างวดผ่อนชำระเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวต่าง ๆ ที่จะต้องรับผิดชอบในอนาคตด้วย ไม่ว่าจะค่าประกันรถ ค่าน้ำมัน ค่าไฟสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า และค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางที่กำหนด

 

Compact SUVs ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทันสมัย และง่ายต่อการหาที่จอด หากรถของคุณต้องจอดนาน ๆ หรือไม่ได้ใช้งานบ่อยครั้ง อาจส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ดังนั้นเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น ควรเตรียมแบตฯ ให้พร้อมด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK เพื่อให้รถของคุณพร้อมใช้งานเสมอ

 

ดูแล Compact SUVs ให้พร้อมทุกการเดินทางด้วย CTEK

 

CTEK MXS 5.0

 

สำหรับรถ SUVs หรือรถชนิดต่าง ๆ ที่อาจจะหาโอกาสมาขับได้ไม่บ่อยจนต้องอยู่ในโรงจอดรถนาน ๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้ และเพื่อแก้ปัญหานี้ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK ที่มาพร้อมระบบชาร์จอัจฉริยะ จะช่วยให้แบตเตอรี่ของรถคุณได้รับการประจุไฟตลอดเวลา พร้อมระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเต็ม ทำให้ไม่ต้องนำรถออกมาวิ่งบริหารแบตเตอรี่ ก็ยังพร้อมเร่งเครื่องได้ทุกสถานการณ์

เตรียมความพร้อมทุกครั้งที่สตาร์ทรถ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถ CTEK จากสวีเดนที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตฯ ให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย

CTEK แบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถให้กับค่ายรถชั้นนำมากที่สุดในโลก

 

โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่จากสวีเดน ที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:

- กระแสชาร์จสูงสุด 5A

- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah

- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้

- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบันรับประกัน 5 ปี

- ชาร์จเต็มแล้วตัดไฟอัตโนมัติ

- มีระบบเลี้ยงไฟ คอยเติมไฟอัตโนมัติ สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน

เพื่อให้รถ Compact SUV ของคุณพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะจอดทิ้งไว้นานแค่ไหน สั่งซื้อได้เลยวันนี้!

 

 

CTEK MXS 5.0

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้