ในปัจจุบัน หลายคนมีเป้าหมายในการเลือกรถที่แตกต่างกัน บางคนให้ความสำคัญกับรสนิยมหรือสมรรถนะ ขณะที่อีกหลายคนเน้นการใช้งานที่ตอบโจทย์ เช่น การบรรทุกของจำนวนมาก หรือใช้เป็นรถครอบครัวสำหรับเดินทาง อีกทั้งเมืองใหญ่หลายแห่งเริ่มมีพื้นที่จอดรถจำกัด รถ Compact SUVs ซึ่งมีขนาดกะทัดรัดและประหยัด จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถใหม่
แม้รถกลุ่มนี้จะขึ้นชื่อว่าใช้งานอเนกประสงค์และราคาจับต้องได้ แต่ก็มีบางแบรนด์ที่พัฒนาให้กลายเป็นรถระดับ Hi-End เช่น
Porsche Macan ที่ผสมผสานความสปอร์ตทั้งด้านดีไซน์และสมรรถนะ แต่อาจมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไปในตลาดพอสมควร
หากกำลังวางแผนว่าจะซื้อรถ Compact SUV รุ่นไหนดี ที่ราคาไม่สูงจนเกินไป แต่ยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ครบถ้วนสำหรับการใช้งาน ในบทความนี้ APRTECH ขอแนะนำ 10 รถ Compact SUVs ในงบไม่เกิน 1.5 ล้านบาท พร้อมข้อดีและคุณสมบัติเด่น เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
Compact SUVs คืออะไร?
Compact SUV (Compact Sport Utility Vehicle) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดเล็ก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า รถยนต์อเนกประสงค์ 5 ประตู เป็นยานพาหนะที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานคล้ายรถตู้ แต่มีความสวยงามแบบรถสปอร์ตซีดาน ในด้านขนาดจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Mid-Sized SUVs กับ Mini SUVs
โดยรถชนิดนี้ ได้รับความนิยมในไทยจากขนาดที่ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป มีฟีเจอร์การใช้งานครบครัน ไม่ว่าจะการบรรทุกของ จำนวนที่นั่ง รวมถึงสมรรถนะที่ยืดหยุ่น ทั้งการขับบนถนนทางเรียบในเมืองและทางขรุขระ สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ ไปจนถึงถนนเปียกและเนินขึ้นเขา สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือการประหยัดน้ำมันมากกว่า SUV ขนาดปกติ แต่ยังเป็นรองรถ Hatch Back ที่เบาและต้านลมน้อยกว่า
10 รถ Compact SUVs ที่น่าสนใจในงบไม่เกิน 1.5 ล้าน
1. Toyota Corolla Cross
หนึ่งในโมเดลรถขายดีของ Toyota ที่ราคาน่าจับตามอง ที่ครบครันทั้งดีไซน์สปอร์ตที่โดดเด่น และความอเนกประสงค์สไตล์รถครอบครัว โดยรุ่นของปี 2024 ได้มีการปรับโฉมใหม่ทั้งภายนอกภายใน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายในห้องโดยสาร
- ราคา: เริ่มต้นที่ 999,000 บาท
- ฟังก์ชัน: กระจกไฟฟ้า 4 บาน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ, ประหยัดพลังงาน มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาป และ Hybrid, ระบบการออกตัวทางลาดชัน HAC, ปรับจูนกล่อง ECU และองศาการจุดระเบิดใหม่, ถุงลมนิรภัยระบบ SRS, ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ABH
- จุดเด่น: กระจังหน้าไร้กรอบดูทันสมัย, ดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว, ขดลวดไฟฟ้าแรงต้านไฟต่ำ ประจุไฟฟ้าได้เต็มกำลังกว่าเดิม (สำหรับรุ่น Hybrid)
2. Honda WR-V

สำหรับคันนี้ ถือเป็นรถ SUV ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว ขับสนุก ลุยได้ทุกไลฟ์สไตล์ทั้งในและเมือง พร้อมพื้นที่ภายในกว้างขวาง ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ผสานเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ให้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดี 16.7 กม./ลิตร มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย
- ราคา: เริ่มต้นที่ 799,000 บาท
- ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 121 แรงม้า ประหยัดน้ำมัน รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือก E20, เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ตอบสนองได้ดี, มาพร้อมระบบความปลอดภัย Honda SENSING ทำงานร่วมกับกล้องของรถ, หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง
- จุดเด่น: ตัวรถกะทัดรัด แต่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง, ขับสนุกทั้งในและนอกเมือง ขับขึ้นลงเนินได้สบาย, ใช้งานง่าย สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าด้วยกุญแจรีโมต
3. Honda HR-V

รถ SUV ขนาดกะทัดรัด โมเดลจากปี 2024 ที่ยกระดับดีไซน์ให้มีความสปอร์ตขึ้นกว่าโมเดลปีก่อนหน้า ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะและความประหยัดได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง และการบุกันเสียงที่เงียบกว่าเดิม ช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่เพิ่มความเสถียร มาพร้อมกับ Honda SENSING ระบบช่วยขับขี่ที่ปลอดภัยขึ้น
- ราคา: เริ่มต้นที่ 890,000 บาท
- ฟังก์ชัน: ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว, สลับโหมดการทำงานได้ 3 แบบ EV Drive, Hybrid Drive, และ Engine Drive, มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ECON (แบบประหยัด), Normal (ปกติ), และ Sport (แบบสปอร์ต), Honda SENSING ระบบความปลอดภัย ทำงานร่วมกับกล้องหน้ารถ ให้ทุกการขับขี่สบายใจ, เบาะนั่งอเนกประสงค์ (Magic Seats) พับได้ 60/40 ปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
- จุดเด่น: ห้องโดยสารบุเก็บเสียงได้ดีกว่ารุ่นก่อน, ให้สมรรถนะพร้อมกับความประหยัดด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto, หลังคากระจกพาโนรามา เพิ่มความโปร่งและหรูหรา
4. Mazda CX-5
โมเดลใหม่ล่าสุดของปี 2025 ที่เน้นความพรีเมี่ยมทั้งภายนอกและภายใน มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร และ ดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร เทอร์โบคู่ โดยในรุ่นดีเซลจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน i-ACTIV AWD ช่วยในการยึดเกาะถนน นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่มีการเตือนอันตรายมากถึง 15 รูปแบบ
- ราคา: เริ่มต้นที่ 1,219,000 บาท
- ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร 165 แรงม้า และ ดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ลิตร เทอร์โบคู่ 190 แรงม้า, มีระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE, เพิ่มความสนุกในการขับขี่ด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย, ท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี
- จุดเด่น: ดีไซน์ภายนอกและภายในหรูหรา มากับกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ในเครื่องยนต์ดีเซล เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่, G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ปรับแรงบิดเครื่องยนต์และเบรกให้การเข้าโค้งเสถียรและนุ่มนวล, ใช้วัสดุซับเสียงและกระจก Acoustic Glass ลดเสียงรบกวนจากภายนอก, ระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่งรอบทิศทาง
5. Mazda CX-30
รุ่นนี้มาพร้อมกับรางวัล 1 ใน 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ปี 2020 มาพร้อมเครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ประหยัดน้ำมันสูงถึง 16.4 กิโลเมตรต่อลิตร และยังยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ด้วย i-Activsense ที่ช่วยปกป้องรถรอบคัน ในดีไซน์ที่คงความสปอร์ตที่เรียบง่าย มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวาง เติมเต็มความบันเทิงด้วยลำโพง 12 จุดรอบคันจาก Bose
- ราคา: ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท
- ฟังก์ชัน: ครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตร DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT และระบบไอเสีย 4-2-1 พร้อม ระบบ i-STOP, ระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย SPS รุ่น 2.0s ตอบสนองได้รวดเร็ว, ระบบคุมพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS ทำงานที่ความเร็วสูงสุด 145 กม./ชม., รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
- จุดเด่น: เพิ่มสีใหม่ Platinum Quartz พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED Signature, ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps), ระบบเสียง Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่งรอบทิศทาง, เซนเซอร์กะระยะหน้าและหลัง มาพร้อมกล้องมองหลัง และระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยว AFS
6. Suzuki XL
สำหรับรถรุ่นนี้ เป็น SUV เครื่องยนต์ Hybrid ที่สามารถจุผู้โดยสารเยอะถึง 7 ที่นั่ง กว้างขวางทั้งการเข้าออกและขนของ ตัวรถยกสูง ให้มุมมองการขับขี่ที่ดี ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส K15B ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และมอเตอร์ Integrated Starter Generator ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนความจุ 12Ah อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร ทำงานด้วยระบบ Smart Hybrid ช่วยเสริมพละกำลังในช่วงเร่งออกตัว
- ราคา: เริ่มต้นที่ 799,000 บาท
- ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับระบบ Integrated Starter Generator (ISG) และแบตเตอรี่ Lithium-ion ช่วยประหยัดน้ำมันถึง 19.2 กม./ลิตร, โครงสร้างตัวถัง HEARTECT แข็งแรง น้ำหนักเบา พร้อมระบบกันสะเทือนที่รองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS และ EBD รวมถึงระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP), ระบบความปลอดภัยรอบด้าน ทั้งโครงสร้างและในการขับขี่ ทั้งตัวถัง TECT หรือระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer เป็นต้น
- จุดเด่น: กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว, รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่ง พร้อมเบาะนั่งที่ปรับพับได้หลายรูปแบบ เพื่อความยืดหยุ่นในการจัดเก็บสัมภาระ, ระบบ Smart Hybrid ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
7. MG HS
รถ Compact SUVs รุ่นที่ 2 ของซีรีส์ มีทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินธรรมดา ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ 169 แรงม้า และแบบ Plug-in Hybrid พลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 92 แรงม้า ที่มีระบบ Hybrid รองรับ เพื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ 142 แรงม้า เพิ่มกำลังได้สูงสุด 284 แรงม้าเมื่อทำงานร่วมกัน พ่วงด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ MG Pilot Package และกล้องมองรอบทิศ 360 องศา
- ราคา: เริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท
- ฟังก์ชัน: มีทั้งแบบเคลื่อนเบนซินล้วนพ่วงเทอร์โบ 169 แรงม้า และ Plug-in Hybrid ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 284 แรงม้า, ระบบช่วยเหลือการขับขี่ MG Pilot Package, กล้องมองรอบทิศ 360 องศา, มีระบบนำทางแบบ AR, เบาะคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้า
- จุดเด่น: ดีไซน์แบบสปอร์ตพรีเมี่ยม สวยงามหรูหรา ภายใต้แนวคิด Brit Dynamic, แบบ Plug-in Hybrid วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนไกลสุด 120 กิโลเมตร, ไอเสียต่ำเพียง 36 กรัม/กิโลเมตร, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อม PADDLE SHIFT
8. Toyota C-HR HEV GR Sport
ถือเป็นรุ่นที่เน้นการมอบประสบการณ์สปอร์ตเป็นพิเศษ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Hybrid 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 1,798 ซีซี 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 72 แรงม้า ที่สามารถทำเพิ่มกำลังได้สูงถึง 122 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกัน คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับเชื้อเพลิงทางเลือก E20 ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 19.9 กม./ลิตร ทั้งการวิ่งแบบในและนอกเมือง ช่วงล่างปรับจูนใหม่ ที่มาพร้อมกับช่วงล่างหลังอิสระบบปีกนกคู่ ช่วยในการเข้าโค้ง ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม พร้อมความปลอดภัยด้วยระบบ Toyota Safety Sense ทำให้ครบเครื่องทั้งความเร้าใจแบบสปอร์ต ที่ควบคู่กับความปลอดภัยและความประหยั
- ราคา: เริ่มต้นที่ 1,139,000 บาท
- ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์ Hybrid 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 1,798 ซีซี 98 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 72 แรงม้า, รองรับเชื้อเพลิงทางเลือก E20, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ช่วยในการจอดรถในพื้นที่จำกัด, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมแยกซ้ายขวา พร้อมระบบกรองอากาศ Nanoe
- จุดเด่น: ชุดแต่ง GR Sport รอบคัน กระจังหน้าและกันชนดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีดำเงา และโลโก้ GR, ระบบช่วงล่างปรับแต่งด้วยคอยล์สปริงและช็อคแอบซอร์บเบอร์เฉพาะรุ่น GR Sport กับช่วงล่างหลังอิสระแบบปีกนกคู่ เพื่อการทรงตัวและการเข้าโค้ง, เสริมความปลอดภัยด้วย Toyota Safety Sense, ด้วยระบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้มากถึง 19.9 กม./ลิตร ในการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง
9. MG VS HEV
รถอเนกประสงค์แบบ Hybrid ที่มาพร้อมกำลังสูงสุด 117 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ 15S4C DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า มาพร้อมโหมด Kinetic Energy Recovery System (KERS) เปลี่ยนพลังงานจลน์ขณะชะลอรถ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.4 กิโลเมตร/ลิตร โดยดีไซน์ของรถนั้นจะยึดแนวคิด ABSOLUTE ที่ฉีกตัวตนออกจากมิติของ SUV เดิม ๆ พร้อมประสบการณ์ขับขี่ที่เร้าใจจากแนวคิด BRIT DYNAMIC
- ราคา: เริ่มต้นที่ 699,000 บาท บาท
- ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์ 15S4C DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า, มาพร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น ระบบเบรก ABS EBD ระบบควบคุมการทรงตัว ESP และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบปรับอากาศดิจิตอลพร้อมกรอง PM 2.5
- จุดเด่น: กระจังหน้า Electrified Matrix Grille Design พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และ Aero Wheel Cover ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์, ระบบปฏิบัติการ i-SMART รองรับคำสั่งเสียงภาษาไทย และฟังก์ชัน Digital Key รับ-ส่งกุญแจดิจิทัลผ่านสมาร์ตโฟน, Kinetic Energy Recovery System ช่วยชาร์จพลังงานไฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ได้ 3 ระดับ
10. Haval Jolion
Compact SUV ระบบ Hybrid จากเครือ GWM มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า อีกทั้งระบบเกียร์ DHT รองรับระบบขับเคลื่อนที่หลากหลาย คุมความนิ่งและเสถียรด้วยช่วงล่างด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) และทอร์ชันบีม สำหรับช่วงหลัง (Vertical Arm Torsion Beam) ในด้านดีไซน์นั้นสร้างความเด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้า Star Matrix และไฟหน้าอัจฉริยะ สามารถเปิดปิดอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์ด้านหน้า 6 จุดเพื่อความปลอดภัย พร้อมกล้องหน้าที่กระจังหน้าและหลังกระจก
- ราคา: เริ่มต้นที่ 799,000 บาท
- ฟังก์ชัน: เครื่องยนต์เบนซิน Hybrid DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า, โหมดการขับขี่หลากหลาย สามารถเลือกได้ตามถนนและสไตล์การขับขี่, ฟีเจอร์ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติทั้งหน้าและหลัง พร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM2.5
- จุดเด่น: การออกแบบผสมผสานความหรูหราและสปอร์ต ด้วยกระจังหน้า Star Matrix พร้อมไฟหน้า LED อัจฉริยะ, ปลอดภัยด้วยระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า, ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา, ระบบความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและเชื่อมต่อได้ผ่านแอปพลิเคชัน
เหตุใดรถยนต์ Compact SUVs ถึงได้รับความนิยม?
โดยทั่วไปแล้ว รถ SUV ถูกออกแบบมาให้มีความสปอร์ตและหรูหราของรถซีดาน แต่สามารถใช้สอยได้ทั้งการบรรทุกสิ่งของและผู้โดยสารแบบรถตู้ ทำให้เป็นรถที่มีความอเนกประสงค์ สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย และสามารถขับขี่ได้ทั้งทางเรียบในเมือง ทางขรุขระ และทางลาดชันต่าง ๆ
เพราะมีโครงสร้างเล็กและเบากว่า ทำให้ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองซึ่งมีพื้นที่จำกัด ทั้งการหาที่จอด การขับขี่ในเมืองที่แออัด ไปจนถึงการเข้าถึงซอกซอย แต่อาจจะทำได้ไม่เท่ากับ Mini SUV ที่มีขนาดเล็กกว่า
สำหรับประสิทธิภาพเครื่องยนต์นั้น ถือว่ามีตัวเลือกอยู่มากมายในตลาดรถประเภทนี้ ทั้งรถสันดาปล้วน, เครื่องยนต์ไฮบริด และไฟฟ้าแบบ 100% จากการออกแบบรถเพื่อใช้งานแบบอเนกประสงค์ ทำให้สมรรถนะเครื่องยนต์ที่ใช้นั้นมีพละกำลังมากพอจะขับเคลื่อนได้เกือบจะทุกสภาพถนน และสามารถรับน้ำหนักผู้โดยสารและสิ่งของที่มากได้เป็นอย่างดี
เพราะเป็นลูกผสมของรถซีดาน ทำให้รถ SUV ในตลาดหลาย ๆ แบรนด์ สามารถออกแบบให้มีความสวยงามและทันสมัยได้ จะเห็นได้ว่ามีหลาย ๆ โมเดล ที่เน้นการดีไซน์แบบรถสปอร์ต ไม่ว่าจะชุดบอดี้ภายนอก หรือภายในห้องโดยสาร โดยที่ไม่กระทบต่อการใช้สอยและประสิทธิภาพในการขับขี่
เลือก Compact SUVs อย่างไรให้ตอบโจทย์?
- พิจารณาขนาด: เราจะต้องดูว่าตัวรถนั้นตรงกับความต้องการของเราในด้านไหนบ้าง ทั้งจำนวนคนในครอบครัว, ขนาดที่จอด หรือใช้ขนของอะไรบ่อย ๆ
- พิจารณาสมรรถนะ: กำลังและชนิดของเครื่องยนต์ มีผลกับการตัดสินใจเลือกรถยนต์เสมอ เพราะจะช่วยให้เราเลือกได้ว่ารถคันไหนเหมาะสมกับการใช้งานของเรา ทั้งในเรื่องแรงม้า, การควบคุม, การเกาะถนน โดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันและพลังงาน ที่จะกลายเป็นตัวกำหนดปริมาณรายจ่ายในระยะยาว
- พิจารณาฟังก์ชันการใช้งาน: รถ Compact SUVs แต่ละรุ่นจะมาพร้อมกับฟังก์ชันที่แตกต่างกัน และก็มีหลาย ๆ อย่างที่จำเป็นต้องจะต้องมีในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องบันทึกหน้ารถ, กล้องมองหน้าหลัง, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ ไปจนถึงเซนเซอร์ความปลอดภัยต่าง ๆ
- พิจารณางบประมาณ: ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเงินดาวน์หรือค่างวดผ่อนชำระเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวต่าง ๆ ที่จะต้องรับผิดชอบในอนาคตด้วย ไม่ว่าจะค่าประกันรถ ค่าน้ำมัน ค่าไฟสำหรับชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า และค่าซ่อมบำรุงตามระยะทางที่กำหนด
Compact SUVs ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่คล่องตัว ประหยัดน้ำมัน ทันสมัย และง่ายต่อการหาที่จอด หากรถของคุณต้องจอดนาน ๆ หรือไม่ได้ใช้งานบ่อยครั้ง อาจส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ดังนั้นเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น ควรเตรียมแบตฯ ให้พร้อมด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK เพื่อให้รถของคุณพร้อมใช้งานเสมอ
ดูแล Compact SUVs ให้พร้อมทุกการเดินทางด้วย CTEK

สำหรับรถ SUVs หรือรถชนิดต่าง ๆ ที่อาจจะหาโอกาสมาขับได้ไม่บ่อยจนต้องอยู่ในโรงจอดรถนาน ๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้ และเพื่อแก้ปัญหานี้ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK ที่มาพร้อมระบบชาร์จอัจฉริยะ จะช่วยให้แบตเตอรี่ของรถคุณได้รับการประจุไฟตลอดเวลา พร้อมระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเต็ม ทำให้ไม่ต้องนำรถออกมาวิ่งบริหารแบตเตอรี่ ก็ยังพร้อมเร่งเครื่องได้ทุกสถานการณ์
เตรียมความพร้อมทุกครั้งที่สตาร์ทรถ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถ CTEK จากสวีเดนที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตฯ ให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย

โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่จากสวีเดน ที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:
- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบันรับประกัน 5 ปี
- ชาร์จเต็มแล้วตัดไฟอัตโนมัติ
- มีระบบเลี้ยงไฟ คอยเติมไฟอัตโนมัติ สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน
เพื่อให้รถ Compact SUV ของคุณพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะจอดทิ้งไว้นานแค่ไหน สั่งซื้อได้เลยวันนี้!
