5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถ มีอะไรบ้าง?

Last updated: 2 ก.ย. 2567  |  48738 จำนวนผู้เข้าชม  | 

แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์ ที่ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะ เครื่องยนต์ ระบบไฟ หรือมอเตอร์สตาร์ท ซึ่งเมื่อไหร่ที่ไฟในแบตเตอรี่หมด ก็จะทำให้รถยนต์เกิดอาการติดขัดไปจนถึงสตาร์ทไม่ติด สำหรับใครที่เป็นคนรักรถ คงจะทราบกันดีว่าแบตเตอรี่เป็นส่วนสำคัญ ส่วนหนึ่งที่เราจะต้องดูแลเป็นพิเศษ

แต่คุณมั่นใจมากแค่ไหนว่าสิ่งที่คุณเชื่อเกี่ยวกับการรักษาแบตเตอรี่รถยนต์นั้นถูกต้องจริงๆ เพราะยังมีคนอยู่จำนวนไม่น้อยเลยที่หลงเชื่อความรู้ผิดๆ ที่บอกต่อกันมา ทำให้สิ่งที่เราคิดว่า “ดี” กลับกลายเป็น “พิษร้าย” ทำลายแบตเตอรี่เสียเอง

วันนี้ APRTECH จะมาขอเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการรักษาแบตเตอรี่ให้คุณได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เป็น Checklist เกร็ดความรู้ว่า สิ่งที่หลายคนเชื่อ จริงๆแล้วนั้นเป็นเรื่องจริงหรือหลอก

5 ความเชื่อเกี่ยวกับแบตเตอรี่ เรื่องนี้จริงหรือหลอกกันแน่!?

 

ความเชื่อที่ 1: คอยสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ครั้งละ 10 นาที เป็นการชาร์จแบตเตอรี่

ความจริง: การสตาร์ทรถแล้วจอดไว้ 10 นาทีนั้น ไม่ช่วยในการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่เลย เปลืองน้ำมัน เหม็นควันและเสียเวลาเปล่า และอาจทำให้แบตฯหมดไวขึ้นด้วย

สาเหตุเพราะ

  1. รอบเครื่องไม่สูงพอ นั้นเครื่องยนต์จะเดินด้วยรอบเครื่องเดินเบาประมาณ 700-900 รอบต่อนาทีเท่นั้น กระแสไฟฟ้าจะเพียงพอสำหรับการเลี้ยงระบบต่างๆ ในรถยนต์เท่านั้น แต่อาจไม่พอที่จะส่งไปถึงแบตเตอรี่ การชาร์จแบตเตอรี่ได้ ต้องเร่งเครื่องให้รอบสูงถึง 1500-2000 รอบต่อนาที ได้ชาร์จจึงชาร์จไฟเข้าแบตฯ
  2. ระยะเวลาไม่นานพอ เวลา 10 นาที นั้นอาจไม่นานพอสำหรับการชาร์จไฟให้แบตฯเต็ม
  3. สตาร์ทแต่ละครั้ง ดึงไฟออกจากแบตฯไปเป็นจำนวนมาก ลองนึกภาพดูว่าคุณใช้ขันตักน้ำออกจากถังแต่ไม่มีการเติมน้ำกลับเข้าไปเลย ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวแบตฯก็หมด

วิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการดูแลแบตเตอรี่ีรถจอดนานคือการใช้ตัวช่วย ซึ่งก็คือ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะ เราแนะนำให้คุณเลือกเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ เพราะนอกจากจะป้งอกันรถสตาร์ทไม่ติดและช่วยยืดอายุแบตเตอรี่อย่างได้ผลแล้ว ยังปลอดภัยต่อรถ ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และไม่ทำให้แบตเตอรี่ของคุณเสีย 

 

ความเชื่อที่ 2: รถจอดทิ้งไว้นาน ควรนำรถไปวนขับเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

ความจริง: การนำรถไปวนขับเมื่อจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพื่อรักษาสภาพของแบตเตอรี่นั้นเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง แต่รถคุณต้องวิ่งด้วยรอบเครื่องที่สูงพอและระยะเวลาที่นานพอ หากคุณนำรถวนขับเพียงระยะทางสั้นๆ เช่นการวนขับในหมู่บ้าน กระแสไฟจากไดชาร์ท จะมีไม่มากพอในการส่งไปเก็บในแบตเตอรี่

โดยข้อมูลจาก VEGQ.com ระบุว่าถ้าหากคุณต้องการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ด้วยวิธีการขับรถ รอบของเครื่องยนต์ต้องอยู่ที่ประมาณ 1,000 รอบต่อนาที และขับขี่เป็นเวลานานอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อทำให้กระแสไฟมีสำรองมากพอแม้เครื่องยนต์จะดับอยู่ ทั้งนี้ระยะเวลาการชาร์จไฟขึ้นอยู่กับสภาพของแบตเตอรี่ แต่ถ้าหากต้องการให้มีกระแสไฟชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มประจุไฟ คุณต้องขับรถเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

ความเชื่อที่ 3: แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานเพียง 1-3 ปี

ความจริง: อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แต่ละลูกจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ คุณภาพ และ การดูแลรักษา

ยิ่งคุณใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพดี ราคาเป็นหมื่น แบบที่ติดมากับรถยุโรป อายุการใช้งานก็จะนานกว่าแบตเตอรี่ราคาลูกละ 2 พันบาท บางคนที่ดูแลดีก็ใช้ได้เกือบ 10 ปี แต่บางคนซื้อรถมาไม่ถึง 1 ปี แบตฯก็เสื่อมแล้ว เพราะจอดทิ้งนานโดยไม่ชาร์จแบตเตอรี่ ยิ่งคุณชาร์จแบตเตอรี่ให้ไฟเต็มบ่อยๆแบตฯคุณก็ยิ่งอยู่ได้นาน เพราะการดูแลแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดคือการทำให้แบตเตอรี่มีไฟเต็มตลอด ไม่ว่าจะเป็นการขับรถหรือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์

สาเหตุที่แบตเตอรี่มีอาการเสื่อมสภาพเร็วคือ 

  • การจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน ทำให้แบตเตอรี่คายประจุไฟออกไปเป็นจำนวนมาก 
  • แบตเตอรี่ที่สูญเสียประจุมาก อายุการใช้งานจะสั้นลงอย่างรวดเร็ว
  • ปล่อยให้แบตฯหมดจนสตาร์ทไม่ติดบ่อยๆทิ้งไว้เป็นเวลานาน
  • รถไม่ได้ขับเลย จอดทิ้งไว้ไม่ถึง 4 เดือน แบตเตอรี่จะเสื่อมจนหมดสภาพใช้งานไม่ได้อีกต่อไป

เมื่อคุณต้องกินข้าว แบตเตอรี่ของคุณก็ต้องกินไฟ หากคุณอดขาวแล้วตาย แบตเตอรี่ของคุณอดไฟก็ตายเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากคุณเปลี่ยนแบตฯมาใหม่ๆ แต่จอดรถทิ้งไว้ไม่ถึงเดือนก็สตาร์ทไม่ติดอีก

หากอยากให้แบตเตอรี่ของคุณมีอายุการใช้งานที่นานและไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยๆ ถ้ามีรถจอดทิ้งนาน คุณต้องชาร์จแบตเตอรี่ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ ที่สามาราร์จทิ้งไว้ได้ มทีระบบอัตโนมัติคอยเติมไฟเมื่อแบตเตอรี่คายประจุ เพื่อให้แบตเตอรี่ไฟเต็มตลอดเวลาเป็นการยืดอายุแบตเตอรี่ให้ได้นานที่ีสุด

 

ความเชื่อที่ 4 : การใช้จั๊มพ์สตาร์ทช่วยยืดอายุแบตเตอรี่

ความจริง: การใช้จั๊มสตาร์ทช่วยแค่สตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้นไม่ได้ช่วยชาร์จไฟเข้าแบตฯ

การจั๊มพ์สตาร์ทคือการแก้ปัญหาแบบฉุกเฉินที่ปลายเหตุ เหมือนใช้เครื่องปั๊มหัวใจ คุณอยากกินอาหารทุกวันหรือใช้เครื่องปั๊มหัวใจทุกวันมากกว่าล่ะ แบตเตอรี่ของคุณก็เช่นกัน                                                         เพราะการจั๊มพ์สตาร์ทนั้น คือการทำให้รถสตาร์ทติดเท่านั้น ไม่ได้ช่วยชาร์จไฟเข้าแบตฯ เป็นการจ่ายไฟตรงเข้าไดสตาร์ทเพื่อ“สตาร์ท” เครื่องยนต์ แต่ไม่ได้เป็นการดูแล ไม่ได้ช่วยยืดอายุแบตฯ

หลังจั๊มพ์สตาร์ท ประจุไฟในแบตเตอรี่จะยังคงอยู่เท่าเดิม ซึ่งแบตเตอรี่จะเริ่มชาร์จอีกครั้งเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพมีค่า CCA ต่ำมากก็ไม่สามารถทำให้เครื่องกลับมาสตาร์ทใหม่ได้ การใช้จั๊มสตาร์ทจึงเหมาะกับการใช้งานในยามฉุกเฉินมากกว่า

ยิ่งปล่อยให้แบตฯหมดจนต้องจั๊มพ์สตาร์ทบ่อยเท่าไหร่ แบตฯก็ยิ่งเสื่อมไวเท่านั้น

หากรถคุณจอดนานจนต้องจั๊มพ์สตาร์ท นั่นคือสัญญาณว่าแบตเตอรี่กำลังเสื่อม หากคุณไม่เริ่มดูแลแบตเตอรี่ด้วยการชาร์จ ตั้งแต่วันนี้ เตรียมตัวเปลี่ยนแบตฯใหม่ไว้ได้เลย

การจั๊มพ์สตาร์ทยังมีผลทำให้รถของคุณเสียด้วย ไฟกระชากจากการจั๊มพ์สตาร์ทอาจทำให้กล่อง ECU หรือ คอมพิวเตอร์ควบคุมรถของคุณเสีย ซึ่งอาจมีค่าซ่อมหลักแสน การจั๊มพ์สตาร์ททุกครั้งมีความเสี่ยง

ดังนั้นถ้าคุณมีรถจอดทิ้งนาน ไม่ค่อยได้ขับ ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ ดูแลและป้องกันแบตฯหมด สตาร์ทไม่ติดดีกว่า

 

ความเชื่อที่ 5: แบตเตอรี่ที่ตายแล้ว สามารถฟื้นคืนสภาพได้

ความจริง: แบตเตอรี่ที่หมดสภาพไปแล้ว ไม่สามารถชาร์จไฟแล้วกลับมาใช้งานเหมือนเดิมได้ เพราะไม่มีกำลังไฟ (CCA) เพียงพอแล้ว อย่าหวังว่าจะเอาแบตเตอรี่เก่าเก็บที่ทิ้งไว้หลังบ้านเป็นปีจน CCA ไม่มีเหลือ มาชาร์จฟื้นฟูทำสาวแบตเตตอรี่ ไม่งั้นบริษัทแบตเตอรี่คงเจ๊งกันหมด สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณทำได้คือขายแบตฯเก่าให้ร้านแบตเตอรี่เอาไปรีไซเคิล

สิ่งที่คุณสามารถทำได้ คือการรักษาสภาพแบตเตอรี่ให้มีสภาพที่เต็มประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการเลี้ยงกระแสไฟในแบตเตอรี่ให้เต็มอยู่ตลอดเวลา ป้องกันแบตเตอรี่เสื่อม ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น

 

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ผู้ขับขี่คนไหนไม่อยากเสียเวลามาสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้หรือต้องหาเวลามาขับรถวน หรือเสียเงินเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ๆ และไม่ว่าจะขับรถแบรนด์ Mercedes-Benz, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi หรือ Porsche  เช่นรุ่น Porsche911, Porsche Cayenne รวมถึงรุ่นอื่น ๆ ก็ควรให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ จึงต้องชาร์จแบตเตอรี่รถอยู่ประจำ หรือ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์อัจฉริยะ CTEK จากสวีเดน ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมอีกต่อไป

คลิกที่นี่เพื่อดูโปรโมชั่น CTEK

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้