5 อันดับรถหรูที่แพงที่สุดในโลกพร้อมราคา อัปเดต 2024

Last updated: 4 ธ.ค. 2566  |  9923 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อันดับแบรนด์รถหรูสุดพรีเมี่ยม

หากพูดถึงรถหรู หรือ luxury car แล้ว หลายคนคงนึกถึงเหล่าแบรนด์รถหรูเจ้าดัง ๆ อย่าง Rolls-Royce, Bugatti, Lamborghini, Ferrari หรือ Aston Martin ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ารถที่แพงที่สุดในโลกมาจากแบรนด์อะไร มีจุดเด่นและประสิทธิภาพที่ดีมากขนาดไหน วันนี้เราได้รวบรวม 5 อันดับแบรนด์รถหรูสุดพรีเมี่ยม ที่ราคาแพงที่สุดในโลกปี 2023 มาให้ทุกคนที่สนใจได้ลองอ่านและศึกษากันดูครับ

5 อันดับแบรนด์รถหรูราคาแพงที่สุดในโลก

1. Rolls-Royce Boat Tail

Rolls-Royce Boat Tail

ขอบคุณภาพจาก Rolls-Royce

 ราคา 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 960 ล้านบาท)

Rolls-Royce Boat Tail เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 เป็นรถยนต์หรูเปิดประทุน 2 ประตูสั่งทำพิเศษที่มีเพียง 3 คันในโลก ครองตำแหน่งรถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลก และแบรนด์รถหรูคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากรถเปิดประทุนยุค 1930 ที่มีชื่อเดียวกัน การออกแบบภายนอกของรถมีความโค้งมนและหรูหรา ไฟหน้า LED ที่บางเฉียบและไฟท้ายแนวนอนช่วยเพิ่มความทันสมัยให้กับรูปลักษณ์ ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหรูหรา เช่น ไม้ หนัง และคริสตัล เบาะนั่งหุ้มหนังสีฟ้าอ่อนตัดกับแผงหน้าปัดไม้สีดำ ที่สะท้อนถึงความรักของเจ้าของรถที่มีต่อท้องทะเลได้อย่างลงตัว

Rolls-Royce Boat Tail

Rolls-Royce Boat Tail ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ขนาด 6.75 ลิตร ให้กำลัง 563 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม. 
Rolls-Royce Boat Tail เป็นรถยนต์ที่หรูหรา ทรงพลัง และคงความคลาสสิคของความเป็น Rolls-Royce ไว้ได้ในทุกกระเบียดนิ้ว นอกจากความสวยงามของดีไซน์อันน่าหลงใหลแล้ว เครื่องยนต์ภายในยังจัดเต็มไม่เป็นสองรองใคร ควรค่าแก่การเป็นรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกประจำปี 2023 อย่างไม่ต้องสงสัยครับ

 

2. Bugatti La Voiture Noire

Bugatti La Voiture Noire

ขอบคุณภาพจาก Bugatti

ราคา 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 600 ล้านบาท)

Bugatti La Voiture Noire เป็นรถสปอร์ตไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตขึ้นเพียงคันเดียวในโลก เปิดตัวในปี 2019 ด้วยราคา 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 600 ล้านบาท) รถยนต์คันนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก Bugatti Type 57 SC Atlantic ซึ่งเป็นรถคลาสสิคที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 1930 ตัวถังของรถจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด มาในโทนสีดำสนิทแบบ Deep Black Gloss ดีไซน์ภายนอกเน้นความเรียบหรูหรา โฉบเฉี่ยว และทรงพลัง ภายในหุ้มด้วยหนังเกรนสีน้ำตาล Havana Brown ตัดกับอะลูมิเนียมปัดเงาสะดุดตา คอนโซลกลางมีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และเบาะนั่งทรงสปอร์ตชวนหลงใหลที่ให้กลิ่นอายแบบโมเดิร์น

แบรนด์รถหรู Bugatti La Voiture Noire

Bugatti La Voiture Noire ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ W16 เทอร์โบชาร์จ 8.0 ลิตรที่ให้กำลัง 1,500 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 2.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 420 กม./ชม. La Voiture Noire ใช้เวลาในการพัฒนานานกว่า 2 ปี ผลิตโดยช่างฝีมือกว่า 60 คน และใช้เวลาประกอบมากถึง 6,000 ชั่วโมง เจ้าของรถคันนี้ไม่ได้รับการเปิดเผย แต่คาดว่าจะเป็นมหาเศรษฐีชาวยุโรป

 

3. Bugatti Centodieci

Bugatti Centodieci

ขอบคุณภาพจาก Bugatti

ราคา 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 300 ล้านบาท)

Bugatti Centodieci เป็น Supercar รุ่นพิเศษที่ถูกผลิตขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 110 ปีของแบรนด์รถหรู Bugatti ตัวรถเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 ด้วยราคาสูงถึง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 300 ล้านบาท) และผลิตเพียง 10 คันเท่านั้น Centodieci ได้รับการตั้งชื่อตาม Bugatti EB110 ซึ่งเป็นรถซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของ Bugatti ที่ผลิตขึ้นในปี 1991 ซึ่งนอกจากชื่อแล้ว ดีไซน์ภายนอกและภายในยังได้รับอิทธิพลมาจาก EB110 ด้วยในหลาย ๆ แง่มุม

Bugatti Centodieci

Bugatti Centodieci เป็น Supercar ที่มีรูปลักษณ์ดุดันและปราดเปรียว มีไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูและไฟท้ายแบบ LED สามมิติที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก EB110 ส่วนห้องโดยสารออกแบบได้อย่างหรูหราทันสมัย วัสดุที่ใช้ในการตกแต่งภายในส่วนใหญ่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และหนังแท้ มีเบาะนั่งทรงสปอร์ตและแผงหน้าปัดดิจิทัล ตัวรถขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ที่ให้กำลังสูงสุด 1,600 แรงม้าและแรงบิด 1,600 นิวตันเมตร เครื่องยนต์นี้ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 380 กม./ชม.

 

4. Mercedes Maybach Exelero

แบรนด์รถหรู Mercedes Maybach Exelero

ขอบคุณภาพจาก Wikipedia

 ราคา 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท)

Mercedes-Maybach Exelero เป็นแบรนด์รถหรูระดับไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตขึ้นเพียงคันเดียวในโลก โดย Mercedes-Benz และ Fulda บริษัทยางในเครือ Goodyear จากประเทศเยอรมัน ตัวรถเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ด้วยราคา 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท) Exelero สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Mercedes-Benz S 57 แต่ได้รับการปรับแต่งใหม่หลายจุดเพื่อยกระดับสมรรถนะและรูปลักษณ์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

แบรนด์รถหรู Mercedes Maybach Exelero

โดยภายนอกใช้การออกแบบที่เรียบหรูแต่แฝงไปด้วยความดุดัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าทรงกลม และไฟท้าย LED รูปทรงเรียวยาว ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุระดับพรีเมียมอย่างไม้ หนัง และคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa ตัดด้วยตะเข็บสีแดงดูเข้ากันอย่างลงตัว คอนโซลกลางติดตั้งจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเสียง Burmester High-End Surround Sound และระบบความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ

Mercedes-Maybach Exelero มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน V12 ความจุ 5.9 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 690 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,020 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 351.45 กม./ชม. ปัจจุบัน Exelero เป็นเจ้าของโดย Fulda และถูกนำไปจัดแสดงตามงานมอเตอร์โชว์ต่าง ๆ ทั่วโลก

 

CTA_CTEK XS 5.0

 

5. Bugatti Divo

Bugatti Divo

ขอบคุณภาพจาก Bugatti

 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท)

Bugatti Divo เป็นรถไฮเปอร์คาร์ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ด้วยราคา 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 200 ล้านบาท) ผลิตออกมาเพียง 40 คันเท่านั้น ตัวรถได้ตั้งชื่อตามนักแข่งรถชาวฝรั่งเศส Albert Divo ซึ่งชนะการแข่งขัน Targa Florio สองครั้งในปี 1928 และ 1929 Bugatti Divo ได้รับการต่อยอดมาจากแบรนด์รถหรู Bugatti Chiron ในด้านแอโรไดนามิกและน้ำหนัก ด้านหน้ามีกระจังหน้าทรงเกือกม้าขนาดใหญ่ขึ้น ช่องดักอากาศที่กว้างขึ้น และโคมไฟหน้า LED ขนาดเล็ก หลังคามีช่องดักอากาศ NACA Duct ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศไปยังห้องเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีแรงกดอากาศเพิ่มขึ้น 90% และน้ำหนักเบาลง 35 กก. การปรับแต่งเหล่านี้ทำให้ Divo เร็วกว่า Chiron ตอนเข้าโค้ง แต่ยังคงช้ากว่าเล็กน้อยในการเร่งและทำความเร็วสูงสุด

Bugatti Divo

ด้านข้างของรถมีซุ้มล้อที่กว้างขึ้น ช่องดักอากาศที่ด้านหลังล้อ และปีกเล็ก ๆ ที่ด้านหลังของประตู ด้านหลังมีปีกท้ายแบบแอคทีฟปรับได้ ดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ และไฟท้ายแบบ 3 มิติ ส่วนภายในยังคงความหรูหราแบบ Chiron ไว้ เบาะนั่งเป็นแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Alcantara และคาร์บอนไฟเบอร์ คอนโซลกลางมีจอแสดงผลการขับขี่ขนาดใหญ่และระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงระดับไฮเอนด์ 

Bugatti Divo มาพร้อมเครื่องยนต์ W16 ขนาด 8.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 4 ตัว ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีดขับเคลื่อนทุกล้อ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 2.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 380 กม./ชม.

 

ดูแลแบตเตอรี่ Supercar ด้วย CTEK จากสวีเดน

เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์

รถยนต์ถือเป็นยานพาหนะละเอียดอ่อนที่เราต้องใส่ใจและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะรถหรูราคาแพงอย่าง Supercar หรือรถสปอร์ตที่ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นรถที่ไม่ได้ถูกนำไปขับทุกวัน รถ Supercar ส่วนใหญ่จึงมักจอดทิ้งไว้ ผลที่ตามมาคือ ปัญหาแบตเตอรี่หมดจนรถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งถ้าหากเราปล่อยให้รถแบตหมดบ่อย ๆ แบตเตอรี่ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพและไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด ถึงแม้จะเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้ว แต่ถ้ายังจอดทิ้งไว้นานก็จะเจอแต่ปัญหาเดิม คุณจึงควรใช้ที่ชาร์จแบตรถยนต์ CTEK จากสวีเดนคอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อป้องกันอาการแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานครับ

CTEK เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 8 ขั้นตอนการชาร์จลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน โดย CTEK จะชาร์จไฟด้วยกระแสสูงสุดให้เต็มถึง 80% หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดกระแสลงพร้อมตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม 100% เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ Overcharge ทำให้เราสามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือนโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย ไม่ต้องคอยสตาร์ทหรือเอารถไปวนขับให้สิ้นเปลืองน้ำมันอีกต่อไป

 

เครื่องชาร์จ CTEK MXS 5.0
“แบตเตอรี่แพงแค่ไหนก็เสื่อมได้ถ้าจอดทิ้งไว้นาน เลือกใช้ CTEK ก่อนสาย สตาร์ทเมื่อไหร่ รถพร้อมใช้ ออกตัวได้ทุกครั้ง”

CTEK MXS 5.0 เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ มีกระแสชาร์จสูงสุด 5A สำหรับแบตเตอรี่ขนาด 1.2 - 110Ah รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ไม่มีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติแทบทั้งหมด ตัวเครื่องนั้นมีขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา แต่ทนทานกันน้ำกันฝุ่น หากคุณกำลังมองหาเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงมอเตอร์ไซค์หรือบิ๊กไบค์ CTEK MXS 5.0 ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแน่นอน

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

currentaffairs.adda247.com

www.cars24.com

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้