8 วิธี! รถไม่ค่อยได้ขับดูแลอย่างไร ให้พร้อมใช้งาน

Last updated: 18 พ.ย. 2567  |  252 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 

การดูแลรถไม่ค่อยได้ขับให้พร้อมใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะพาหนะที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่ส่งผลร้ายแรงต่ออะไหล่หรือระบบการทำงานของรถยนต์ และทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาที่มากกว่าปกติ การดูแลรถอย่างถูกวิธีจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก 

ทั้งนี้ มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เพื่อให้สภาพรถพร้อมใช้งานอยู่เสมอ วันนี้ APRTECH จะขอแชร์เทคนิค รถไม่ค่อยได้ขับดูแลยังไงให้เหมาะสม ทั้งในเรื่องของระบบเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ ยาง และของเหลวภายในรถยนต์ รวมถึงวิธีป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อมหรือสัตว์ ที่อาจเข้ามาสร้างความเสียหายต่อรถได้ มีวิธีไหนบ้างที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลย!

ปัญหาที่พบบ่อยสำหรับรถไม่ค่อยได้ขับ

ก่อนจะทราบว่า รถไม่ค่อยได้ขับดูแลยังไงให้ถูกวิธี มาทำความเข้าใจถึงปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กันก่อน เพราะข้อมูลนี้จะทำให้ทราบถึงความจำเป็นในการดูแลยานพาหนะอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน และป้องกันความเสียหายที่มีโอกาสเกิดกับรถที่จอดนานเกินไป ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยสำหรับรถไม่ค่อยได้ใช้มีหลายประการ ดังต่อไปนี้

 

  • รถสตาร์ทไม่ติด

หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยสำหรับรถไม่ค่อยได้ขับคือ รถยนต์สตาร์ทไม่ติด ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่อาจเสื่อมสภาพจากการไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน เพราะการจอดทิ้งไว้จะทำให้พลังงานในแบตเตอรี่ลดลงอย่างช้า ๆ จนในที่สุดก็ไม่สามารถจ่ายไฟให้แก่ระบบสตาร์ทได้

  • หนูกัดสายไฟ

การจอดรถเป็นเวลานาน อาจทำให้หนูเข้าไปอาศัยในห้องเครื่อง และกัดสายไฟบางส่วนจนขาดหรือเสียหาย นำไปสู่การสตาร์ทรถไม่ติด และยังอาจทำให้ระบบไฟฟ้าส่วนอื่น ๆ ขัดข้องได้อีกด้วย รถอาจกลายเป็นที่พักพิงของสัตว์อีกหลายชนิด เช่น นก หรืองู ที่อาจเกิดอันตรายได้

  • ถังน้ำมันเป็นสนิม

ถังน้ำมันที่ว่างจะสัมผัสกับอากาศเป็นเวลานานอาจเกิดสนิมได้ มีผลต่อคุณภาพของน้ำมันที่เข้าเครื่องยนต์ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย

  • น้ำมันบูด

น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และของเหลวอื่น ๆ ในรถที่ไม่ค่อยได้ขับ จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โดยของเหลวเหล่านี้จะมีลักษณะที่ข้นเหนียวมากขึ้น และสูญเสียคุณสมบัติในการหล่อลื่น ซึ่งส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ น้ำมันในถังหากทิ้งไว้นานมากก็มีโอกาสบูดเช่นกัน

  • ยางรถยนต์รั่วซึม เสื่อมสภาพ

ความดันลมยางจะลดลงอย่างช้า ๆ จนยางแบนในที่สุดหากจอดรถไว้นาน ๆ นอกจากนี้ ยังทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น เช่น ยางแข็งกระด้าง หรือเกิดรอยแตกลายงาบนผิวยาง มีผลให้ความยืดหยุ่นของยางลดลง และนำไปสู่อันตรายบนท้องถนนได้

  • สีรถเสื่อมสภาพ

หากจอดรถตากแดด แสงแดดและรังสี UV ที่เผาไหม้เป็นเวลานาน อาจทำให้สีของรถซีดจางและเกิดรอยแตกร้าว นอกจากนี้ ความชื้นจากน้ำฝนยังอาจทำให้เกิดคราบสกปรก หรือเกิดสนิมตามชิ้นส่วนที่เป็นโลหะได้ 

  • ยางปัดน้ำฝนเสื่อม

ใบปัดน้ำฝนทั่วไปผลิตจากยาง ที่มีอายุการใช้งานที่สั้น และเสื่อมเร็วขึ้นเมื่อโดนความร้อนและรังสี UV โดยเฉพาะแดดร้อนจัดในประเทศไทย เมื่อยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ใบปัดน้ำฝนจะแข็ง สูญเสียคุณสมบัติในการรีดน้ำ ทำให้ปัดน้ำออกไม่หมด นอกจากนี้ ใบปัดน้ำฝนยางที่เสื่อมสภาพจนแข็ง หากฝืนใช้ต่อไปก็จะขูดกระจกเป็นรอย เห็นเป็นลอนๆ หากปล่อยทิ้งไว้ ยิ่งปัด ยิ่งขูด ทำร้ายกระจกไปเรื่อยๆ อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกระจกทั้งบานเป็นหลักหมื่น

 

 

วิธีดูแลรถไม่ค่อยได้ขับ

1. ดูแลแบตเตอรี่ ชาร์จไฟให้เต็มสัปดาห์ละครั้ง

ปัญหาอันดับหนึ่งของรถที่ไม่ค่อยได้ขับคือสตาร์ทไม่ติด หากไม่รีบจัดการกับปัญหานี้ ปัญหาที่จะตามมาก็คือแบตเตอรี่เสื่อม แบตเตอรี่ในรถที่ไม่ค่อยได้ขับอาจเสื่อมสภาพได้ง่าย วิธีการดูแลรักษาแบตเตอรี่ที่ดี จึงเป็นการนำรถออกไปขับด้วยความเร็วสูงและระยะทางประมาณร้อยกิโล เพื่อชาร์จไฟให้แบตเตอรี่เต็ม การสตาร์ทรถทิ้งไว้ 10 นาทีนั้นเปล่าประโยชน์  ไม่ชาร์จไฟเข้าแบตฯ เพราะรอบเครื่องไม่ถึงไดชาร์จผลิตไฟได้น้อย และระยะเวลาไม่นานพอ แถมยังสร้างมลภาวะ เปลืองน้ำมัน เหม็นควัน เสียงดังอีกต่างหาก แต่ถ้าหากไม่มีเวลานำรถออกไปขับ วิธีที่ง่ายที่สุดในการดูแลแบตเตอรี่คือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK จากสวีเดน เพื่อชาร์จไฟให้แบตเตอรี่เต็มสัปดาห์ละครั้ง จะสามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียเวลาเอารถไปวนขับ หรือสตาร์ทรถทิ้งไว้

2. ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและของเหลวต่าง ๆ

น้ำมันเครื่อง และของเหลวงต่าง ๆ มีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา อาจมีการระเหย หรือเกิดการปนเปื้อน การตรวจสอบและหมั่นเติมของเหลว เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์และป้องกันความเสียหายได้

3. ล้างทำความสะอาดรถยนต์

ถึงแม้จะเป็นรถไม่ค่อยได้ขับ แต่ก็ควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำเมื่อสกปรก เพื่อรักษาสภาพรถให้อยู่ได้นานที่สุด เพราะฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่เกาะติดตามตัวรถ ทำหน้าที่เสมือนกระดาษทราย หากไม่ได้ทำความสะอาดอาจก่อให้เกิดรอยขีดข่วนและความเสียหายแก่ผิวรถยนต์ได้ นอกจากนี้ สิ่งสกปรกบางชนิด เช่น ขี้นกหรือคราบแมลง หรือ โคลน ยังมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งสามารถกัดกร่อนสีรถได้หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ

 


 

4. เติมลมยางสม่ำเสมอ

ยางของรถไม่ค่อยได้ขับอาจเสียรูปจากน้ำหนักรถที่กดลงไปบนหน้ายางได้ ดังนั้น ควรหมั่นตรวจเช็กยางรถยนต์ด้วยเครื่องวัดลมยาง เพื่อให้แน่ใจว่าความดันลมยางอยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ควรเติมลมยางให้สูงกว่าปกติสักเล็กน้อย หากจำเป็นต้องจอดรถไว้นาน ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ และควรขยับรถเพื่อเปลี่ยนจุดกดทับของหน้ายาง ไม่ให้ทับจุดเดียวนานเกินไป

5. ติดเครื่องไล่หนู

ติดเครื่องไล่หนู การตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าได้อย่างทันท่วงที อาทิ สายไฟขาด ฉนวนเสื่อมสภาพ หรือจุดเชื่อมต่อหลวม ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ หรือเกิดความเสียหายต่อส่วนประกอบอื่น ๆ ของรถยนต์ได้

6. จอดรถในที่ร่ม

การจอดรถในที่ร่มเป็นการช่วยป้องกันรถจากความร้อนและความชื้น ที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สีรถซีดจาง และเกิดรอยแตกลายงา นอกจากนี้ แสงแดดและความร้อนยังส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของวัสดุภายในรถ เช่น แผงหน้าปัดโก่งตัว เบาะหนังแห้งกรอบ ยางขอบกระจกและยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ดังนั้นหากมีรถไม่ค่อยได้ใช้ควรจอดไว้ในที่ร่ม เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้รถของคุณดูใหม่และใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

7. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันอยู่เสมอ

นำรถออกไปขับให้น้ำมันหมดและเติมให้เต็มก่อนจอดเก็บเพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเก่าออกไป ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำมันบูด และเติมน้ำมันให้เต็มเพื่อป้องกันการเกิดสนิมในถังน้ำมัน

8. เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นแบบซิลิโคน

ใบปัดน้ำฝนซิลิโคน PIAA จากญี่ปุ่น ผลิตจากซิลิโคนคุณภาพสูง นุ่ม ไม่ขูดกระจก ทนทานกว่าใบปัดน้ำฝนทั่วไป ทน UV ทนความร้อนต่อสภาพอากาศร้อนจัดสุดขั้วของประเทศไทย ใบปัดน้ำฝน PIAA Sitech นวัตกรรมใหม่ มีสารเคลือบป้องกันการเกาะตัวของน้ำ ทำให้น้ำกลิ้งออกไป ไม่เกาะกระจก ยิ่งปัด ก็ยิ่งเคลือบ ยิ่งปัด ก็ยิ่งลื่น ไม่ต้องคอยเติมเหมือนแบบน้ำหรือสเปรย์ ฝนมาเมื่อไหร่ เพียงแค่ปัดน้ำฝน ใบปัดน้ำฝน PIAA Sitech ก็จะทำการเคลือบกระจก ทำให้กระจกลื่น ปัดหมดจด กระจกมองเห็นได้ชัด ปลอดภัยทันที


ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจะเป็นเรื่องแรกที่เจ้าของรถทุกคนต้องเจอเมื่อจอดรถทิ้งนาน โดยเฉพาะรถไม่ค่อยได้ขับ ซึ่งแก้ไขได้ไม่ยาก ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK ที่จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่และทำให้รถของคุณสตาร์ทติดทุกครั้งที่ใช้งาน

 

ดูแลรถไม่ค่อยได้ขับ ด้วยเครื่องชาร์จแบตฯ CTEK

 

รถไม่ค่อยได้ขับ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่ารถที่ใช้เป็นประจำ เนื่องจากแบตเตอรี่จะคายประจุไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากไม่เติมไฟอย่างสม่ำเสมอด้วยการนำรถออกไปขับ ก็จะทำให้แบตฯ ลูกนั้นเสื่อมจนใช้งานไม่ได้อีก ต้องเปลี่ยนแบตฯ ลูกใหม่เท่านั้น

แต่ปัญหาเหล่านี้จะหายไปทันที ถ้าคุณมี เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถ CTEK เครื่องชาร์จอัจฉริยะ ที่มีระบบป้องกันการ Overcharge สาเหตุหลักของแบตเตอรี่เสียจากการชาร์จ ด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ CTEK จากสวีเดน สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย ไม่เกิดการ Overcharge สามารถเสียบชาร์จทิ้งไว้ได้นานเป็นเดือน ๆ ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ รถสตาร์ทติดทุกครั้งที่ใช้งาน


รุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์ทุกยี่ห้อ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วย คุณสมบัติเด่น:

- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่าง
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน

เจ้าของรถควรมีเครื่องชาร์จ CTEK ไว้ติดบ้าน เพราะถึงแม้รถจะไม่ค่อยได้ขับ ก็ช่วยให้มั่นใจได้ในทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์!

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้