ไขข้อสงสัย! แรงม้า คืออะไร? ต่างกับแรงบิดอย่างไร?

Last updated: 18 พ.ย. 2567  |  283 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 

ในโลกของยานยนต์และเครื่องจักร มักได้ยินหน่วยวัด ที่ชื่อว่า “แรงม้า” ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่คุ้นเคยของใครหลายคน แรงม้าเป็นหน่วยวัดที่มีความสำคัญในการประเมินสมรรถนะ และประเมินประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ทั้งรถยนต์ เครื่องบิน รวมถึงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ทราบหรือไม่ว่าที่มาของหน่วยวัดแรงม้า คืออะไร มีความหมายอย่างไร และแรงม้า กับ แรงบิดต่างกันอย่างไร วันนี้ APRTECH จะพาไปทำความรู้จักกับ “แรงม้า” ฉบับเข้าใจง่ายกัน!


แรงม้าคืออะไร?

แรงม้า คือ หน่วยที่ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ เป็นหน่วยที่บอกกำลังสูงสุดที่รถสามารถทำได้ โดยเปรียบเทียบกับ “ม้า” ซึ่งเป็นเครื่องทุ่นแรงหลักของมนุษย์ในสมัยก่อน ถูกนิยามขึ้นโดยวิศวกรชาวสกอตแลนด์ชื่อ เจมส์ วัตต์ (James Watt) กำหนดหน่วยแรงม้าเพื่อใช้เปรียบเทียบกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์ เริ่มต้นจากกำหนดให้แรงที่ม้าหนึ่งตัวใช้ในการยกน้ำหนัก 75 กิโลกรัม ให้เคลื่อนที่ในทิศแนวตั้งเป็นระยะทาง 1 เมตร ในเวลา 1 วินาที ซึ่งเท่ากับ 550 ฟุต - ปอนด์ ต่อวินาที (ft-lb/s) 

หน่วยวัดของแรงม้า

แรงม้า (HP) 

หน่วยของกำลัง (Power) หรืออัตราการทำงานที่นิยมใช้กันในทางวิศวกรรมมาเป็นเวลานาน เพื่อแสดงถึงกำลังของเครื่องจักร โดยในปัจจุบันมีการใช้คำนี้น้อยลง และใช้หน่วยวัดแรงม้า (PS) และกิโลวัตต์ (KW) แทน

แรงม้า (PS)

แรงม้า PS (PferdStarke) เป็นหน่วยวัดที่ได้รับความนิยมในแถบยุโรปและสหรัฐฯ โดยเทียบกับ HP แล้วจะอยู่ที่ 1 PS = 0.986 HP

กิโลวัตต์ (KW)

กิโลวัตต์ เป็นอีกหน่วยที่ใช้วัดกำลังที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการเปรียบเทียบกำลังของเครื่องยนต์เป็นกำลังไฟฟ้าที่สามารถทำได้ โดยเปรียบเทียบกับแรงม้า (HP) ได้ 1 KW = 1.341 HP และ แรงม้า (PS) ได้ 1 KW = 1.360 PS

แรงม้ามีความสำคัญอย่างไร?

อัตราเร่ง: แรงม้ามีผลโดยตรงต่ออัตราเร่งของรถ เช่น รถที่มี 200 แรงม้า จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 7 วินาที ในขณะที่รถที่มี 100 แรงม้า จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 12 วินาที

ความเร็วสูงสุด: แรงม้ามีผลต่อความเร็วสูงสุด โดยรถที่มีแรงม้าสูงนั้นจะสามารถวิ่งได้ความเร็วสูงสุดกว่ารถที่มีแรงม้าต่ำ

การบรรทุก: แรงม้านั้นมีผลต่อการบรรทุกสัมภาระบนรถ โดยรถที่มีแรงม้าสูงจะสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่าแรงม้าต่ำ

การลากจูง: ความสามารถในการลากจูงขึ้นอยู่กับแรงบิดที่เครื่องยนต์ภายในรถสร้างขึ้น โดยอาศัยแรงหมุนของเพลาขับ ส่งกำลังไปยังเพลาและล้อ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนต่อไป

 

 

แรงบิด คืออะไร?

แรงบิด คือ แรงหมุนของเพลาขับในรถยนต์ เป็นแรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปยังเพลาและล้อเพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ โดยค่าของแรงบิดขึ้นอยู่กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (RPM) ซึ่งเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูง จะมีอัตราเร่งดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำ จึงถือได้ว่าแรงบิดเป็นตัวบอกว่ารถยนต์คันไหนจะออกตัวได้เร็วกว่ากัน

การทำงานของแรงบิดจะเกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ ส่งผ่านไปยังเพลาข้อเหวี่ยง จากนั้นจะส่งผ่านไปยังเกียร์ เพื่อเปลี่ยนอัตราทดกำลังให้เหมาะสมกับความเร็วของรถ และแรงบิดจะถูกส่งไปยังเพลาล้อ เพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่ 

หน่วยวัดของแรงบิด

กิโลกรัม – เมตร (Kg-m)

แทนค่าของแรงผลักที่เกิดขึ้นจากการหมุนเป็นหน่วยกิโลกรัม นับจากการหมุนเป็นระยะ 1 เมตร

นิวตัน – เมตร/รอบต่อนาที (Nm)

เป็นหน่วยวัดที่นิยมใช้กันมากที่สุด ทั้งในประเทศแถบยุโรป เอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยคำนวณจากแรงผลักที่เกิดจากการหมุนเป็นนิวตัน ซึ่งนับจากการหมุนเป็นระยะ 1 เมตร

ฟุต – ปอนด์ (Ft-lbs)

เป็นหน่วยวัดที่นิยมใช้กันในประเทศสหรัฐฯ โดยตัวเลขที่บอกจะเป็นความยาวของรัศมีการหมุนหน่วยเป็นฟุต ที่มีแรงผลักขนาด 1 ปอนด์ 

 

ความแตกต่างระหว่าง แรงม้า กับ แรงบิด

แรงม้า และแรงบิด ต่างมีความสำคัญกันทั้งคู่ แต่มีความแตกต่างกัน กล่าวคือ แรงบิดใช้บอกอัตราเร่ง ความสามารถในการบรรทุก และการลากจูง ส่วนแรงม้า หมายถึง การบอกสมรรถนะความเร็วที่รถสามารถทำได้เป็นหลัก มีผลต่อความเร็วสูงสุดของเครื่องยนต์ ดังนั้น เวลาเลือกซื้อรถควรเลือกความเร็วตามความเหมาะสมกับการใช้งาน

สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าสามารถเพิ่มแรงม้าและแรงบิดของรถได้โดยไม่เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิม ไม่ต้องจูนรถ คือการเติมไฟให้แบตเตอรี่

 

ดูแลแบตเตอรี่ให้ไฟเต็ม ช่วยเพิ่มแรงม้า

  1. แบตเตอรี่ที่มีไฟเต็มทำให้ไดชาร์จไม่ต้องทำงานหนัก เครื่องยนต์จะไม่ถูกไดชาร์จหน่วงจากการปั่นกระแสไฟเข้าแบตเตอรี่เพราะแบตเตอรี่ไฟเต็มอยู่แล้ว กำลังของเครื่องยนต์ก็จะถูกส่งไประบบขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ แรงบิดและแรงม้าของรถก็จะมากขึ้น
  2. เมื่อแบตเตอรี่ไฟเต็ม หัวเทียนก็จะจุดระเบิดได้แรงขึ้น การระเบิดในลูกสูบก็จะแรงขึ้น ทำให้แรงบิดและแรงม้าของรถเพิ่มขึ้น
  3. นอกจากนี้การจุดระเบิดของหัวเทียนที่แรง ทำให้เผาไหม้เชื้อเพลิงไปได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น จึงเกิดเขม่าควันหลงเหลือน้อยลง


เพราะฉะนั้นการดูแลแบตเตอรี่ให้ไฟเต็มนอกจากเพิ่มแรงม้าแล้ว ยังช่วยลดมลพิษอีกด้วย


ดูแลรถให้ไฟเต็ม เพิ่มประสิทธิภาพให้รถ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK จากสวีเดน

ดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถ CTEK ที่ได้รับความไว้วางใจผลิตเครื่องชาร์จแบตฯ ให้กับรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก เช่น Mercedes-Benz, Porsche, Rolls-Royce, Lamborghini, Ferrari, McLaren, Bentley, Maserati, BMW, Mini, Audi, Jaguar, Lexus, Koenigsegg, Chrysler, Jeep และอื่น ๆ อีกมากมาย
โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:
- กระแสชาร์จสูงสุด 5A
- เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
- ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
- รุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน

ให้แบตเตอรี่รถยนต์ของคุณพร้อมใช้งานแบบเต็มที่ จะกี่แรงม้าก็มั่นใจทุกการเดินทาง สั่งซื้อ CTEK เลยวันนี้!

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้