อาการไดสตาร์ทเสีย เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร?

Last updated: 30 ธ.ค. 2568  |  38 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อาการไดสตาร์ทเสีย

หนึ่งในสาเหตุของปัญหารถสตาร์ทไม่ติด ที่ตอนแรกอาจสับสนว่าแบตเตอรี่มีปัญหา ก็คือ ไดสตาร์ทเสีย อาการไดสตาร์ทเสียที่พบบ่อย ได้แก่ สตาร์ทรถไม่ติด หมุนช้า มีเสียงดังผิดปกติ หรือสตาร์ทติดบ้างไม่ติดบ้าง ซึ่งมักเกิดจากไดสตาร์ทเสื่อม แปรงถ่านสึก ตัวโซลินอยด์มีปัญหา รวมถึงกรณีแบตรถอ่อนที่ทำให้ไดสตาร์ททำงานได้ไม่เต็มกำลัง โดยปัญหานี้มักเกิดขึ้นในรถที่จอดทิ้งไว้นานและไม่ได้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK เพื่อคงสภาพแบตเตอรี่ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แม้ต้องจอดรถเป็นระยะเวลานาน ระบบสตาร์ทยังคงทำงานได้ตามปกติ และช่วยลดความเสี่ยงของอาการสตาร์ทรถไม่ติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 CTEK MXS 5.0

อาการไดสตาร์ทเสีย สัญญาณเตือนที่เจ้าของรถควรรู้!

อาการไดสตาร์ทเสียมักเริ่มจากสัญญาณเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม เช่น สตาร์ทติดยากหรือได้ยินเสียงผิดปกติระหว่างสตาร์ทรถ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ได้ง่าย ดังนั้นการรู้วิธีเช็กไดสตาร์ทเสียตั้งแต่ระยะแรกจึงสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหารถสตาร์ทไม่ติดและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมในอนาคต

  • เงียบสนิทเมื่อพยายามสตาร์ท

เมื่อบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทแล้วไม่มีเสียงหรือการตอบสนองใด ๆ อาจหมายถึงไดสตาร์ทไม่ทำงานเลย สาเหตุที่พบได้คือ แปรงถ่านสึก ขดลวดเสีย หรือระบบไฟจากแบตรถไม่ส่งถึงชุดไดสตาร์ท รวมถึงสายไฟหรือฟิวส์อาจชำรุดจนทำให้ระบบไม่รับไฟ

  • มีเพียงเสียง "แชะ" หรือ "คลิก"

เสียงลักษณะนี้มักมาจากโซลินอยด์ที่พยายามทำงานแต่ไม่สามารถดันเฟืองออกไปหมุนเครื่องยนต์ได้เต็มที่ อาจเกิดจากไฟไม่พอเพียง (แบตอ่อน) สายกราวด์หลวมหรือมีสนิมสะสม หรือโซลินอยด์เองมีปัญหาจนไม่สามารถส่งแรงดันเพียงพอ

  • เครื่องยนต์หมุนช้าหรือติดยาก

หากไดสตาร์ทหมุนช้ากว่าปกติหรือใช้เวลานานกว่าจึงจะติด แสดงว่าแรงหมุนจากไดสตาร์ทอ่อนลง อาจเกิดจากแปรงถ่านใกล้หมด ขดลวดเสื่อม กระแสไฟไม่เพียงพอ หรือแบตรถมีประจุไม่เต็ม การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ไดสตาร์ทสึกหรอเร็วยิ่งขึ้น

  • เสียงครืดคราดหรือเสียงเฟืองขบกัน

เสียงดังแบบครืดหรือเฟืองเสียดสีกันมักเกิดจากเฟืองไดสตาร์ทสึกหรือไม่เข้าล็อกกับเฟืองเครื่องยนต์อย่างเหมาะสม หากใช้งานต่อเนื่องอาจทำให้เฟืองชำรุดหนักขึ้นและต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายชิ้นพร้อมกัน

  • มีกลิ่นไหม้หรือควัน

กลิ่นไหม้หรือควันที่ออกมาจากห้องเครื่องขณะสตาร์ทเป็นสัญญาณอันตรายอย่างมาก มักเกิดจากกระแสไฟลัดวงจร ขดลวดเกิดความร้อนสูง หรือไดสตาร์ทกำลังเสียดสีภายในจนเกิดความร้อนสะสม ควรหยุดใช้งานทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบไฟและชิ้นส่วนรอบข้าง

ไดสตาร์ทเสียเกิดจากอะไร?

ไดสตาร์ทเสียส่งผลให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติด

ไดสตาร์ทเสียมักเกิดจากการเสื่อมของชิ้นส่วนภายในและปัญหาทางไฟฟ้าที่ทำให้แรงหมุนลดลงหรือทำงานไม่สมบูรณ์ เมื่อระบบสตาร์ทเริ่มมีความผิดปกติ รถจะสตาร์ทยาก หมุนช้า หรือไม่ติดเลย จึงควรทำความเข้าใจสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไดสตาร์ทเสียเพื่อป้องกันความเสียหายที่รุนแรงกว่าเดิม

1. แปรงถ่านสึกหรอ

แปรงถ่านเป็นชิ้นส่วนที่ช่วยส่งกระแสไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ เมื่อใช้งานนานวันเข้าจะเกิดการสึก ทำให้กระแสไฟเดินไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้ไดสตาร์ทหมุนช้าลงหรือหยุดทำงานเป็นช่วง ๆ จนเกิดอาการสตาร์ทยากหรือติดบ้างไม่ติดบ้าง

2. ชุดเฟืองและกลไกภายในเสียหาย

เฟืองไดสตาร์ททำหน้าที่ส่งแรงหมุนไปยังเครื่องยนต์ หากเฟืองสึก หลุดร่อง หรือมีเศษโลหะขัดขวางการทำงาน อาจเกิดเสียงดัง ครืด หรือเฟืองไม่เข้าล็อก ทำให้ไม่สามารถหมุนเครื่องยนต์ได้เต็มประสิทธิภาพ

3. โซลินอยด์มีปัญหา

โซลินอยด์จะดันเฟืองไดสตาร์ทให้เข้ากับเฟืองเครื่องยนต์ หากขดลวดหรือหน้าสัมผัสเสื่อม สัญญาณที่พบคือมีเสียง แชะ หรือ คลิก แต่เครื่องไม่หมุน ซึ่งเป็นอาการที่หลายคนพบและคิดว่าไดสตาร์ทพังทั้งตัว ทั้งที่ปัญหาอาจอยู่แค่โซลินอยด์

4. การเชื่อมต่อไฟฟ้าผิดปกติ

สายไฟหลวม สายกราวด์มีสนิม ฟิวส์ขาด หรือขั้วแบตสกปรก ล้วนทำให้กระแสไฟส่งไปไดสตาร์ทไม่เต็มกำลัง ส่งผลให้แรงหมุนลดลงหรือไม่ทำงานเลย แม้ตัวไดสตาร์ทยังสมบูรณ์ดี

5. การโอเวอร์โหลดจากการสตาร์ทซ้ำ ๆ นานเกินไป

การบิดสตาร์ทค้างหรือพยายามสตาร์ทซ้ำหลายครั้งต่อเนื่องทำให้มอเตอร์ไดสตาร์ทเกิดความร้อนสูงเกินไป จนอาจทำให้ขดลวดไหม้หรือหน้าสัมผัสเสียหายเร็วกว่าปกติ และนำไปสู่การเสียทั้งชุด

6. ปัญหาจากแบตเตอรี่ที่หลายคนเข้าใจผิดว่าไดสตาร์ทเสีย

หลายครั้งที่ผู้ขับขี่พบอาการสตาร์ทไม่ติดหรือสตาร์ทยาก จึงเข้าใจทันทีว่าไดสตาร์ทเสียเกิดจากการทำงานผิดปกติของตัวไดสตาร์ท ทั้งที่ความจริงแล้วปัญหามักมาจากแบตเตอรี่ มากกว่า โดยเฉพาะกรณีที่รถจอดนาน แบตอ่อน หรือแบตเสื่อม จนไม่สามารถส่งกระแสไฟเพียงพอให้ชุดไดสตาร์ททำงานได้ เมื่อไฟไม่พอ ไดสตาร์ทจะหมุนช้าลง บางครั้งมีเพียงเสียง "แชะ" หรือไม่มีเสียงตอบสนองเลย ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าสาเหตุเกิดที่ไดสตาร์ท ทั้งที่จริงแล้วไดสตาร์ทยังสมบูรณ์ดี

ไดสตาร์ทเสียแก้อย่างไร?

ช่างกำลังตรวจเช็กเครื่องยนต์ เมื่อเกิดอาการไดสตาร์ทเสีย

เมื่อพบอาการไดสตาร์ทผิดปกติ การตรวจเช็กเบื้องต้นสามารถช่วยแยกสาเหตุได้ว่าปัญหาเกิดจากตัวไดสตาร์ทเอง หรือมาจากระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ หากแก้ไขอย่างถูกวิธีตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยให้รถกลับมาสตาร์ทได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินและช่วยลดความเสียหายก่อนนำรถเข้าตรวจเช็กอย่างละเอียด

  • ตรวจสอบและทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่: ขั้วแบตที่มีคราบออกไซด์หรือความสกปรกสะสมอาจทำให้กระแสไฟเดินไม่เต็มกำลัง ส่งผลให้ไดสตาร์ททำงานช้าหรือไม่ตอบสนอง ควรปิดระบบไฟทั้งหมด แล้วถอดขั้วแบตทำความสะอาดด้วยแปรงลวดหรือผ้าชุบน้ำอุ่น ก่อนใส่กลับให้แน่นเพื่อลดการสูญเสียกระแสไฟ
  • ลองสตาร์ทแบบเร่งด่วน (Quick Start): ในกรณีที่แบตอ่อน อาจใช้วิธีสตาร์ทแบบเร่งด่วน เช่น พ่วงแบตหรือใช้เครื่องจัมพ์สตาร์ทพกพาเพื่อเพิ่มกำลังไฟชั่วคราว วิธีนี้ช่วยให้ไดสตาร์ททำงานได้เพียงพอในการหมุนเครื่องยนต์เพื่อสตาร์ทรถ แต่ควรนำรถไปตรวจวัดไฟหรือชาร์จแบตให้เต็มภายหลัง
  • ใช้ค้อนเคาะไดสตาร์ทเบา ๆ: หากไดสตาร์ทมีปัญหาจากแปรงถ่านติดขัดหรือกลไกภายในค้าง การเคาะตัวไดสตาร์ทเบา ๆ ในตำแหน่งมอเตอร์อาจช่วยให้ชิ้นส่วนขยับและทำงานชั่วคราวได้ วิธีนี้เหมาะสำหรับการแก้ไขฉุกเฉินเท่านั้น หลังจากติดเครื่องได้แล้วควรนำรถเข้าศูนย์เพื่อซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแปรงถ่านทันที
 

ไดสตาร์ทเสีย ราคาซ่อมและเปลี่ยนใหม่เท่าไหร่?

เมื่อพบอาการไดสตาร์ทมีปัญหา นอกจากการตรวจเช็กอาการแล้ว ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมสำหรับการซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ โดยราคาจะแตกต่างกันตามอาการ ความเสียหายของชิ้นส่วน และรุ่นรถที่ใช้งาน การประเมินค่าซ่อมอย่างคร่าว ๆ จึงช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

การซ่อมแซมไดสตาร์ท

การซ่อมจะเหมาะกับกรณีที่เสียหายบางจุด เช่น แปรงถ่านสึก โซลินอยด์มีปัญหา หรือหน้าสัมผัสภายในเสื่อม การซ่อมจึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเพราะยังสามารถใช้ตัวไดสตาร์ทเดิมได้ ราคามักขึ้นอยู่กับค่าแรงและอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยน โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 800-2,000 บาท หากเป็นรถยุโรปหรือรถที่อะไหล่หายาก ราคาซ่อมอาจสูงกว่านี้เล็กน้อย

การเปลี่ยนไดสตาร์ทใหม่

ในกรณีที่ไดสตาร์ทชำรุดหนัก เช่น ขดลวดไหม้ เฟืองเสียหายหลายจุด หรือโครงสร้างภายในชำรุดจนไม่สามารถซ่อมได้ การเปลี่ยนใหม่จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า ราคาโดยประมาณมีดังนี้

  • รถญี่ปุ่นทั่วไป: ประมาณ 2,500-6,000 บาท
  • รถยุโรปหรือหรู: อยู่ที่ 5,000-12,000 บาทขึ้นไป ตามรุ่นรถและคุณภาพอะไหล่
  • หากเลือกอะไหล่มือสองหรืออะไหล่ที่ผ่านการปรับสภาพใหม่ ราคาจะประหยัดลงประมาณ 20-40% แต่ควรตรวจสอบการรับประกันจากทางร้านประกอบด้วย

ไดสตาร์ทเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อการสตาร์ทรถ เมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น หมุนช้า มีเสียงแปลก หรือสตาร์ทไม่ติด ควรตรวจสอบทั้งไดสตาร์ทและระบบไฟฟ้าร่วมกัน เพราะบางครั้งปัญหาอาจเกิดจากแบตเตอรี่ ไม่ใช่ไดสตาร์ทโดยตรง การดูแลเบื้องต้นอย่างการทำความสะอาดขั้วแบต การทดสอบไฟ หรือแก้ไขฉุกเฉินตามความเหมาะสมช่วยลดความเสียหายได้ แต่หากอาการยังคงอยู่ ควรนำรถเข้าตรวจเช็กกับช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินว่าเหมาะกับการซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ ทั้งนี้การเข้าใจอาการ สาเหตุ และแนวทางแก้ไข จะช่วยให้เจ้าของรถวางแผนค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนและป้องกันปัญหาในระยะยาว

รถสตาร์ทไม่ติดอาจไม่ใช่ไดสตาร์ทเสีย แต่มาจากแบตเตอรี่เสื่อมเพราะจอดนาน

ดูแลแบตเตอรี่ด้วยเครื่องชาร์จ CTEK

ป้องกันปัญหา รถสตาร์ทไม่ติด และยืดอายุแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด เลือกใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK จากสวีเดน เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์รถยนต์ชั้นนำทั่วโลก ที่มี

  • เทคโนโลยีอัจฉริยะ: ชาร์จไฟด้วยกระแสที่เหมาะสม ไม่ทำให้แบตเตอรี่ร้อนหรือบวม
  • ความปลอดภัย: มีระบบป้องกันประกายไฟและการคีบสลับขั้ว ปลอดภัยต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อนของรถรุ่นใหม่
  • ความสะดวกสบาย: เพียงเสียบชาร์จทิ้งไว้เมื่อไม่ได้ใช้งานรถ ช่วยให้แบตเตอรี่เต็มพร้อมสตาร์ทเสมอ

โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:

  • กระแสชาร์จสูงสุด 5A
  • เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
  • ชาร์จเต็มแล้วตัดไฟอัตโนมัติ
  • ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
  • เป็นรุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน
  • ไม่ต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ ไม่ต้องยกแบตฯออกจากรถ
  • รับประกัน 5 ปี

ให้รถคันโปรดของคุณพร้อมใช้งานเสมอ แม้ไม่ได้ขับออกไปไหนบ่อย ๆ สั่งซื้อเลยวันนี้!

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้