ปะเก็น (Gasket) คืออะไร? มีทั้งหมดกี่ประเภท

Last updated: 30 ธ.ค. 2568  |  25 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ปะเก็น

ปะเก็น คือ ชิ้นส่วนซีลรอยต่อ ทำหน้าที่ป้องกันการรั่วซึมของของเหลวและก๊าซภายในระบบเครื่องยนต์ แม้จะเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่มีบทบาทสำคัญในการรักษาแรงดันและปิดผนึกรอยต่อให้แนบสนิท ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาที่จะตามมาภายหลัง ถือเป็นการดูแลรถเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เช่นเดียวกับการใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อคงความเสถียรของระบบไฟฟ้า ป้องกันปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่จะตามมาภายหลัง หากรถไม่ได้ใช้งานนาน ๆ

CTEK MXS 5.0

ปะเก็นคืออะไร ทำหน้าที่อะไร?

ปะเก็นคือชิ้นส่วนซีลรอยต่อที่ใช้ในระบบเครื่องยนต์และระบบท่อส่งของไหล มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการรั่วซึมของน้ำมัน อากาศ และของเหลวภายในเครื่องยนต์ เมื่อพูดถึงปะเก็นทําหน้าที่อะไร คำตอบคือช่วยปิดผนึกช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนโลหะที่ประกบกัน เพื่อรักษาแรงดัน ความร้อน และการไหลเวียนของของเหลวให้คงที่ตลอดการทำงาน ทั้งนี้ ปะเก็นยังช่วยลดการเสียดสีและลดความเสียหายของรอยต่อที่เกิดจากการขยายตัวตามอุณหภูมิของเครื่องยนต์ ทำให้ระบบทำงานได้มีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนอื่น ๆ หากปะเก็นเสื่อมหรือรั่ว อาจทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง เช่น เครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ ประสิทธิภาพลดลง หรือมีน้ำมันและของเหลวซึมออกมา ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายรุนแรงได้หากไม่รีบแก้ไข

ปะเก็น หรือ Gasket มีกี่ประเภท?

เมื่อพูดถึง Gasket มีกี่ประเภท สามารถแบ่งได้หลากหลายรูปแบบตามวัสดุและลักษณะการใช้งาน โดยแต่ละชนิดถูกออกแบบเพื่อรองรับแรงดัน อุณหภูมิ และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจประเภทของปะเก็นช่วยให้เลือกใช้งานได้เหมาะสมกับงานซ่อมหรือประกอบเครื่องยนต์แต่ละส่วน

1. ปะเก็นอโลหะ

ผลิตจากวัสดุที่ไม่ใช่โลหะ เช่น ยาง คอร์ก กระดาษ หรือกราไฟต์ มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานที่มีแรงดันไม่มาก และบริเวณต้องการความแนบสนิท เช่น ฝาครอบวาล์ว คาร์บูเรเตอร์ และระบบที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไป

2. ปะเก็นโลหะ

ทำจากโลหะทั้งชิ้นหรือผสมโลหะหลายชั้น มีความแข็งแรง ทนแรงดันและอุณหภูมิสูง เหมาะสำหรับบริเวณที่ทำงานหนัก เช่น ปะเก็นฝาสูบ และส่วนที่ต้องรับแรงกดสูงต่อเนื่อง

3. ปะเก็นแบบผสม

เป็นปะเก็นที่ผสมผสานวัสดุโลหะและอโลหะเข้าด้วยกัน เพื่อนำข้อดีของทั้งสองชนิดมารวมกัน เช่น ความแข็งแรงของโลหะและความยืดหยุ่นของวัสดุอโลหะ เหมาะกับงานที่ต้องการซีลที่มีความทนทานและปิดผนึกได้ดีในสภาวะหลากหลาย

4. ปะเก็นเหลว

มาในรูปแบบสารหล่อลื่นหรือซีลแลนท์ที่สามารถทาลงบนพื้นผิวก่อนประกอบชิ้นส่วน เมื่อแห้งจะกลายเป็นตัวซีล มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถเติมเต็มช่องว่างเล็ก ๆ ได้ดี เหมาะกับงานซ่อมบำรุงและงานที่ต้องการซีลแบบเฉพาะจุด

ปะเก็นกับแบตเตอรี่รถยนต์

ปะเก็นฝาสูบของเครื่องยนต์รถยนต์

ระบบแบตเตอรี่รถยนต์มีการใช้ปะเก็นในบางตำแหน่งเพื่อควบคุมความปลอดภัยและคงสภาพการทำงานของแบตไว้ให้เสถียร การเข้าใจบทบาทของปะเก็นในส่วนนี้ช่วยให้ดูแลแบตเตอรี่ได้ถูกต้องและลดความเสี่ยงจากการรั่วซึมหรือการกัดกร่อนที่อาจเกิดขึ้นได้

  • การซีลช่องเติมน้ำกลั่น

แบตเตอรี่บางรุ่นมีช่องเติมน้ำกลั่นและใช้ปะเก็นซีลเพื่อป้องกันการระเหยหรือรั่วซึมของน้ำกรดภายใน เมื่อปะเก็นเสื่อม น้ำกรดอาจรั่วออกมาเกิดคราบเกลือหรือการกัดกร่อนบริเวณฝาแบต ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่และอายุการใช้งาน

  • ปะเก็นขั้วแบตเตอรี่

บริเวณขั้วบวกและขั้วลบของแบตเตอรี่จะมีปะเก็นเล็ก ๆ ช่วยซีลรอยต่อไม่ให้น้ำกรดหรือไอกรดซึมขึ้นมาตามแกนขั้ว หากปะเก็นส่วนนี้ชำรุด อาจทำให้เกิดคราบผุกร่อน (Corrosion) ที่ขั้วแบต ทำให้กระแสไฟเดินไม่เต็มที่ รถอาจสตาร์ทยากหรือไฟตกบ่อย จึงควรตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นประจำ

หากปะเก็นฝาสูบเกิดความเสียหาย จะส่งผลอะไรบ้าง?

ปะเก็นฝาสูบเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่ปิดผนึกรอยต่อระหว่างเสื้อสูบและฝาสูบ หากปะเก็นเกิดการรั่วหรือเสียหาย จะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง ทั้งในด้านประสิทธิภาพ อุณหภูมิ และการเผาไหม้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายรุนแรงหากไม่ตรวจเช็กและซ่อมแซม

1. กำลังอัดตก

เมื่อปะเก็นฝาสูบรั่ว แรงอัดในกระบอกสูบจะรั่วไหลออก ทำให้กำลังเครื่องยนต์ลดลงอย่างชัดเจน รถอืด เร่งไม่ขึ้น และกินน้ำมันมากขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์

2. เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีต

การรั่วของปะเก็นฝาสูบอาจทำให้น้ำหล่อเย็นรั่วไหลเข้าสู่กระบอกสูบหรือช่องทางอื่น ทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานผิดปกติ ส่งผลให้อุณหภูมิเพิ่มสูงจนเกิดภาวะโอเวอร์ฮีต ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์สึกหรอหรือบิดงอได้

3. ควันขาวออกท่อไอเสีย

เมื่อปะเก็นฝาสูบรั่ว น้ำหล่อเย็นอาจไหลเข้าไปในห้องเผาไหม้และถูกเผาไหม้ร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้เกิดควันสีขาวออกจากท่อไอเสียอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าปะเก็นฝาสูบอาจเสียหายรุนแรงและควรเข้าตรวจเช็กทันที

สาเหตุที่ทำให้ปะเก็นเสียหาย

หากปะเก็นเกิดความเสียหายไม่เพียงทำให้ของเหลวรั่วไหล แต่ยังส่งผลกระทบต่อแรงดัน ความร้อน และประสิทธิภาพของระบบเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งสาเหตุของความเสียหายมักเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ต่อไปนี้

  • การติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง

หากปะเก็นวางไม่ตรงตำแหน่ง ขันแรงบิดไม่ตามสเปก หรือพื้นผิวรอยต่อไม่สะอาด อาจทำให้ปะเก็นกดไม่แน่น เกิดช่องว่างและการรั่วซึมตามมา ซึ่งทำให้ปะเก็นเสื่อมเร็วกว่าปกติ

  • เลือกใช้ปะเก็นผิดประเภท

การใช้ปะเก็นที่ไม่เหมาะกับแรงดัน อุณหภูมิ หรือประเภทของของเหลว อาจทำให้ปะเก็นบวม ละลาย แข็งกรอบ หรือฉีกขาดได้ง่าย เช่น ใช้ปะเก็นยางในจุดที่มีความร้อนสูงเกินสเปกของวัสดุ

  • สิ่งแปลกปลอม

เศษโลหะ คราบน้ำมัน ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกบนพื้นผิวรอยต่อสามารถทำให้ปะเก็นปิดผนึกได้ไม่สนิท สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ยังอาจขูดหรือกดทับจนปะเก็นฉีกหรือเป็นรอย ทำให้เกิดการรั่วซึมในภายหลัง

ข้อควรระวังในการใช้งานและการเปลี่ยนปะเก็น

การใช้งานปะเก็นอย่างถูกวิธีและการเปลี่ยนตามขั้นตอนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบซีลทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ หากละเลยข้อควรระวังอาจทำให้ปะเก็นเสื่อมเร็ว เกิดการรั่วซึม หรือสร้างความเสียหายต่อชิ้นส่วนอื่นในระบบเครื่องยนต์ได้

  • ตรวจสอบความสะอาดของพื้นผิวก่อนติดตั้ง เพราะพื้นผิวที่มีคราบน้ำมัน ฝุ่น หรือเศษโลหะ จะทำให้ปะเก็นไม่แนบสนิทและเกิดการรั่วซึมในภายหลัง จึงควรทำความสะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนทุกครั้ง
  • ใช้ปะเก็นให้ตรงตามสเปกและตำแหน่งที่ออกแบบ รวมถึงเลือกวัสดุให้เหมาะกับอุณหภูมิและแรงดันของงาน เช่น งานที่มีความร้อนสูงควรใช้ปะเก็นโลหะ การใช้ปะเก็นผิดประเภทจะทำให้เสื่อมเร็วกว่าปกติและอาจเกิดความเสียหายต่อระบบได้
  • ขันแรงบิดตามคู่มือ ไม่ขันแน่นหรือหลวมเกินไป เพราะการขันแน่นเกินไปอาจทำให้ปะเก็นฉีกหรือเสียรูป ส่วนการขันหลวมเกินไปจะทำให้ซีลไม่สนิท จึงควรใช้ประแจปอนด์และยึดตามค่ามาตรฐานของผู้ผลิต

ปะเก็นเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการซีลรอยต่อและควบคุมการทำงานของระบบเครื่องยนต์ การเข้าใจว่าปะเก็น มีกี่แบบ รวมถึงหน้าที่ ลักษณะการใช้งาน และสาเหตุที่ทำให้ปะเก็นเสียหาย จะช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกปะเก็นได้เหมาะสมกับงานและป้องกันปัญหาการรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีอาการผิดปกติ เช่น น้ำมันหรือของเหลวรั่ว เครื่องร้อนผิดปกติ หรือมีกลิ่นไหม้ จึงควรตรวจสอบและเปลี่ยนปะเก็นทันที เพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้ทำงานได้เต็มสมรรถนะและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว

CTEK ผู้ผลิตเครื่องชาร์จแบตให้แบรนด์รถยนต์หลายยี่ห้อ

นอกจากการดูแลชิ้นส่วนเครื่องยนต์อย่างปะเก็นแล้ว การดูแลรักษาสภาพแบตเตอรี่ถือเป็นอีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกับรถยนต์จอดนานไม่ค่อยได้ขับ ที่มักจะมีปัญหาตามมามากมาย เนื่องจากรถที่จอดทิ้งไว้แบตเตอรี่ยังคงคายประจุไฟออกมาเรื่อย ๆ การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดบ่อย ๆ จะทำให้แผ่นธาตุตะกั่วเสื่อมสภาพ และรถสตาร์ทไม่ติดในที่สุด ซึ่งการสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 20-30 นาที ก็ไม่สามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้เต็มที่

ดังนั้น การใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK จึงเป็นโซลูชันที่เจ้าของรถหลายคนเลือกใช้ ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไฟอัจฉริยะที่ช่วยถนอมและฟื้นฟูสภาพแบตเตอรี่อัตโนมัติ แค่เสียบชาร์จทิ้งไว้ ไม่ต้องนั่งเฝ้า และยังได้การยอมรับจากค่ายรถยนต์ชั้นนำมากที่สุดในโลก โดยรุ่นที่แนะนำคือ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จที่เหมาะกับทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คุณสมบัติเด่น:

  • กระแสชาร์จสูงสุด 5A
  • เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด 12V ขนาด 1.2 - 110Ah
  • ชาร์จเต็มแล้วตัดไฟอัตโนมัติ
  • ใช้งานง่าย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านช่างก็สามารถใช้งานได้
  • เป็นรุ่นขายดีที่สุดในปัจจุบัน
  • ไม่ต้องถอดขั้วแบตเตอรี่ ไม่ต้องยกแบตฯออกจากรถ
  • รับประกัน 5 ปี

ให้รถคันโปรดของคุณพร้อมใช้งานเสมอ แม้ไม่ได้ขับออกไปไหนบ่อย ๆ สั่งซื้อเลยวันนี้!

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้