5 ชิ้นส่วนรถ ที่ต้องเช็กเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสึกหรอ

Last updated: 18 ก.ค. 2566  |  1411 จำนวนผู้เข้าชม  | 


5 ชิ้นส่วนรถ ที่ต้องเช็กเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสึกหรอ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าทุกครั้งที่ใช้งานรถยนต์ ชิ้นส่วนภายในบางอย่างต้องเกิดการสึกหรอและมีอายุการใช้งานที่สั้นลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเราปล่อยปละละเลยไม่ดูแลรักษาหรือรีบแก้ไข มันก็อาจทำให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นเสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด เช่น อาการแบตเตอรี่เสื่อมจนต้องเปลี่ยนแบตรถยนต์ หรืออาการผ้าเบรกเสื่อมจนต้องเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ เป็นต้น วันนี้ APRTECH จึงได้รวบรวม 5 ชิ้นส่วนรถยนต์ที่จำเป็นต้องหมั่นตรวจเช็ก เพื่อป้องกันการสึกหรอจนใช้งานไม่ได้มาฝากทุกคนครับ


1.ไฟส่องสว่าง

ระบบไฟส่องสว่าง ของรถจำเป็นต้องดูแล

หากพบว่าระบบไฟส่องสว่างของตัวรถเกิดเสียหรือมีปัญหาขึ้นมา คุณก็ควรนำรถเข้าอู่เพื่อแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไฟส่องสว่างเหล่านี้ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะการขับรถในเวลากลางคืน ที่ถ้าขาดไฟส่องสว่างเหล่านี้ไป โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุและเรื่องไม่คาดฝันก็จะพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนั้นเราจึงควรหมั่นตรวจเช็กระบบไฟส่องสว่างอยู่ตลอด ว่ามันกำลังมีปัญหาและต้องการการดูแลรักษาหรือไม่

วิธีตรวจเช็กไฟส่องสว่างด้วยตนเอง
  • เปิดใช้งานไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกแล้วตรวจสอบดู ว่ามีหลอดไฟไหนดับหรือสว่างน้อยลงกว่าปกติ
  • เปิดใช้สัญญาณไฟแล้วตรวจสอบดูว่ามีการกะพริบและส่องสว่างปกติหรือไม่

 

2.ยางรถยนต์

วิธีตรวจสอบยางรถยนต์ด้วยตนเอง

ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนเวลาที่รถวิ่ง ดังนั้นมันจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความเสียหายและเกิดการสึกหรอมากที่สุด เราจึงควรหมั่นตรวจเช็กยางรถยนต์ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ว่ามีสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ ลมยางอ่อนหรือแข็งไปรึเปล่า เพราะถ้าเกิดยางแตกยางแบนขึ้นมาระหว่างเดินทาง มันคงทำให้เจ้าของรถต้องปวดหัวและเสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียว

วิธีตรวจสอบยางรถยนต์ด้วยตนเอง
  • เช็กดอกยางโดยการนำเหรียญบาทมาวางในช่องระหว่างดอกยางเพื่อเทียบขนาด หากดอกยางต่ำกว่าขนาดเหรียญ หนึ่งในสาม นั่นหมายความว่าดอกยางของรถคุณเหลือน้อยแล้ว ควรได้รับการเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่เพื่อความปลอดภัย
  • ตรวจสอบอายุของยางโดยดูได้จากรหัสวันที่ บนยางรถยนต์ตรงแก้มยางด้านนอก ซึ่งจะเป็นตัวเลข 4 ตัวที่เขียนเดือนและปีที่ผลิตไว้ โดยยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรือมีอายุการใช้งานราว ๆ 3.5 ปี (อายุยางสูงสุดที่แนะนำคือ 10 ปี)

 

3.ผ้าเบรก 

ควรตรวจเช็ก ผ้าเบรกอย่างสม่ำเสมอ

สัญญาณเตือนของผ้าเบรกที่เสื่อมสภาพนั้น คือเสียงดังเอี๊ยด ๆ ขณะเหยียบเบรก เราควรหมั่นตรวจเช็กและสำรวจความผิดปกติเหล่านี้เสมอ เพราะถ้าเราปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป มันก็อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายที่จานเบรกได้ โดยระยะเวลาที่เราต้องเปลี่ยนผ้าเบรกนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 - 70,000 กิโลเมตร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราใช้รถที่ไหน ถ้าใช้รถในเมืองอายุการใช้งานก็จะสั้นกว่ารถที่ถูกใช้นอกเมืองหรือบนถนนที่รถไม่ค่อยติด

วิธีตรวจสอบผ้าเบรกด้วยตนเอง
  • ฟังเสียงระหว่างเหยียบเบรก หากได้ยินเสียงดังเอี๊ยด ๆ แสดงว่าผ้าเบรกเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว
  • เวลาเหยียบเบรกแล้วรู้สึกเหมือนต้องเหยียบเบรกลึกหรือต่ำกว่าปกติ ซึ่งจะให้ความรู้สึกแตกต่างจากการขับขี่ที่ผ่านมา

 

4.ไส้กรองอากาศ

ควรตรวจเช็กไส้กรองอากาศเป็นประจำ

ไส้กรองอากาศจะทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกในอากาศก่อนที่จะเข้าไปในตัวรถ มันจึงเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่เราต้องเปลี่ยนเป็นประจำทุกปี มันเลยมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 20,000 กิโลเมตร แต่เราก็ควรทำความสะอาดในทุก ๆ 3,000-5,000 กิโลเมตร เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันที่จะทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งมันจะส่งผลให้เครื่องยนต์มีกำลังที่ลดลงและไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

วิธีตรวจเช็กไส้กรองอากาศด้วยตนเอง
  • สังเกตจากควันรถ หากรถปล่อยควันดำออกมาก็มีโอกาสสูงที่ไส้กรองอากาศจะอุดตันและถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่
  • เปิดฝากระโปรงรถแล้วถอดไส้กรองอากาศจากหม้อกรองอากาศขึ้นมาตรวจสอบ หากไส้กรองอากาศยังสกปรกไม่มาก เราสามารถนำมาเคาะหรือใช้ลมเป่าให้สะอาดได้ด้วยตนเอง

 

5.แบตเตอรี่ 

แบตเตอรี่ ชิ้นส่วนรถยนต์ ที่มีความสำคัญควรตรวจเช็คให้ดี

แบตเตอรี่ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่ถ้าเกิดเสียหรือมีปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่ รถยนต์ก็จะสตาร์ทไม่ติดและไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ดังนั้นเราต้องหมั่นตรวจเช็กแบตเตอรี่อยู่เสมอ ว่ามีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยเฉพาะเจ้าของรถสายจอดที่ไม่มีเวลานำรถออกไปขับ คุณควรใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน เนื่องจากตัวแบตเตอรี่นั้นจะคลายประจุไฟตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่ได้ขับ ทำให้ไฟในแบตเตอรี่อ่อนลงเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน แบตเตอรี่ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพและไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด

พร้อมป้องกันแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมที่ต้นเหตุ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0 สำหรับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ และ CTEK XS 0.8 สำหรับรถมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ CTEK คือ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะจากสวีเดน ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตรถชั้นนำมากที่สุดในท้องตลาด เป็นเจ้าของเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะ ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ ใช้งานง่าย ปลอดภัย ทนทาน รับประกันถึง 5 ปี ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟฟ้าภายในตัวรถอย่างแน่นอน

พิเศษ! สั่งซื้อตอนนี้รับโปรโมชันราคาพิเศษทันที

 CTEK MXS 5.0

 


ขอบคุณข้อมูลจาก

https://promotions.co.th

 


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้