รู้หรือไม่เลือกแบตรถเบนซ์อย่างไรให้ถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด

รถเบนซ์ หรือ Mercedes-Benz เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมนี ที่เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยียานยนต์ในด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบควบคุมการทรงตัว (ESC), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (AEB), ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า นั่นจึงทำให้ Mercedes-Benz กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของเทคโนโลยี ความปลอดภัย และชิ้นส่วนภายในคุณภาพสูงที่มีมาตรฐานระดับสากล ดังนั้นหากแบตรถเบนซ์ของคุณเกิดปัญหาหรือต้องการเปลี่ยนแบตใหม่ คุณก็จำเป็นต้องเลือกแบตเตอรี่ให้ถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด วันนี้ APRTECH จึงนำเทคนิคการเลือกแบตรถเบนซ์ที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้มาฝากครับ

วิธีเลือกแบตรถเบนซ์ที่ถูกต้องและเหมาะสม

1. เลือกจากขนาดแบตเตอรี่

ขนาดของแบตเตอรี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกแบตรถเบนซ์ เนื่องจากแบตเตอรี่รถยนต์มีหน้าที่กักเก็บพลังงานไฟฟ้าและจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ หากเราเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับตัวรถ มันก็อาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าเกิดปัญหาหรือรถยนต์สตาร์ทไม่ติดจนไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด ดังนั้นก่อนที่คุณจะเลือกแบตรถเบนซ์ คุณต้องตรวจเช็กให้ดีว่ารถของคุณควรใช้แบตเตอรี่ขนาดเท่าใด อาจเช็กจากขนาดของแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ก่อนหน้า ตรวจสอบจากคู่มือประจำรถหรือสอบถามจากศูนย์บริการ

2. เลือกจากความจุของแบตเตอรี่

ความจุของแบตเตอรี่คือปริมาณกระแสไฟฟ้าที่แบตเตอรี่สามารถจ่ายได้ในระยะเวลาหนึ่ง โดยหน่วยที่ใช้วัดความจุของแบตเตอรี่คือ แอมป์-ชั่วโมง (Ah) ซึ่งค่าความจุของแบตเตอรี่ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการเลือกแบตรถเบนซ์ เนื่องจากแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง จะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้นานกว่าแบตเตอรี่ที่มีความจุต่ำ โดยค่า Ah จะเป็นค่าที่ผู้ผลิตเขียนติดไว้บนแบตเตอรี่ทุกลูก หากคุณไม่รู้ว่าต้องเลือกซื้อแบตเตอรี่แบบใด ก็ควรเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่มีความจุเท่าเดิมขนาดเดิมเพื่อความปลอดภัยครับ

3. เลือกแบตเตอรี่ที่มีการระบุค่า CCA ชัดเจน

แบตเตอรี่เป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่เราต้องใส่ใจและให้ความสำคัญ ไม่ว่ารถยนต์ของคุณจะเป็นรถเบนซ์หรือไม่ก็ตาม คุณก็ควรเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่มียี่ห้อ มีมาตรฐานเชื่อถือได้ อย่าเลือกแบตเตอรี่ราคาถูกที่ไม่มีคุณภาพมาใช้งาน เพราะแบตเตอรี่ที่ไม่มีมาตรฐานอาจมีอายุการใช้งานสั้น หรืออาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถเสียหายได้ ดังนั้นเราจึงควรเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่มีมาตรฐานรองรับ มีการระบุค่า CCA ชัดเจน และ ค่า CCA นั้นต้องไม่ต่ำกว่าแบตเตอรี่เดิมที่ใช้อยู่ครับ

4. เลือกแบตเตอรี่ที่มีการรับประกัน

แบตเตอรี่ที่มีการรับประกันจะช่วยให้เราใช้งานรถได้อย่างสบายใจมากขึ้น เพราะเมื่อไหร่ที่แบตเตอรี่มีปัญหา เราก็จะสามารถส่งเคลมได้ตลอดโดยไม่ต้องกลัวว่ารถจะใช้งานไม่ได้ หากเราเลือกซื้อแบตเตอรี่ที่ไม่มีการรับประกัน เราก็อาจจะต้องเสียทั้งเงินและเวลาเพิ่มเพื่อซื้อแบตเตอรี่ใหม่อย่างช่วยไม่ได้

 อ่านเพิ่มเติมเรื่อง: รถเบนซ์ไม่ค่อยได้ขับ สตาร์ทไม่ติด เข้าศูนย์บ่อย ใช้ CTEK เครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถเบนซ์

ดูแลแบตรถเบนซ์จอดนานด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK

ไม่ว่าแบตเตอรี่รถเบนซ์คุณจะซื้อมาแพงแค่ไหน แต่หากคุณจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานเกินไป แบตรถเบนซ์ก็สามารถเสื่อมสภาพได้ก่อนเวลาอันควร เนื่องจากตัวแบตเตอรี่จะคลายประจุไฟตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่ได้ขับ ทำให้ไฟในตัวแบตอ่อนลงเรื่อย ๆ จนหมด ซึ่งถ้าหากเราปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบแก้ไข แบตเตอรี่ก็จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด ดังนั้นหากคุณมีเวลาก็ควรนำรถออกไปขับบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือเลือกใช้ที่ชาร์จแบตรถยนต์ CTEK จากสวีเดน คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานเหมือนรถที่ถูกนำไปขับเป็นประจำ

เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 8 ขั้นตอนการชาร์จลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน โดย CTEK จะชาร์จไฟด้วยกระแสสูงสุดให้เต็มถึง 80% หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดกระแสลงพร้อมตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม 100% เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ Overcharge ทำให้เราสามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือนโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย ไม่ต้องคอยสตาร์ทหรือเอารถไปวนขับให้สิ้นเปลืองน้ำมันอีกต่อไป

พร้อมป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดนานที่ต้นเหตุ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน ใช้งานง่าย ปลอดภัย รับประกัน 5 ปี ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟฟ้าภายในตัวรถอย่างแน่นอน