5 อันดับ รถปอร์เช่ราคาแพงที่สุด อัปเดตปี 2024

เชื่อว่าใครหลายคนที่ชื่นชอบ Porsche นั้น ต้องมีรุ่นในใจที่อยากได้อยากครอบครองแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น Porsche 911 สุดคลาสสิค, Porsche Taycan รถไฟฟ้าตัวแรง หรือ Porsche Panamera 4 ประตูหรูขั้นสุด ก็ล้วนแล้วแต่น่าซื้อน่าจับจองทั้งนั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในบรรดารุ่นย่อยต่าง ๆ ของ Porsche รุ่นไหนที่แพงและมีราคามากที่สุด วันนี้ APRTECH ขออาสาจัดลิสต์ 5 อันดับรถปอร์เช่ราคาแพงที่สุด ฉบับอัปเดตปี 2024 มาฝากทุกคนครับ

จัดอันดับรถปอร์เช่ราคาแพงที่สุด

1. Porsche 911 Turbo S Exclusive Series

ภาพจาก newsroom.porsche

Porsche 911 Turbo S Exclusive Series ปี 2020 เป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตเพียง 500 คันทั่วโลก เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี ของ Porsche รถยนต์คันนี้เป็นรุ่นย่อยพิเศษของรุ่น 911 Turbo S มีชุดแต่ง Exclusive Series ที่ประกอบด้วยกันชนหน้าและหลังที่ออกแบบใหม่ กระโปรงหลังคาร์บอนไฟเบอร์ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และระบบไอเสียสปอร์ต ถือเป็นรถปอร์เช่ราคาแพงที่สุดจากทั้งหมดที่เราจัดมาในลิสต์นี้เลย

สเปกและราคาของ Porsche 911 Turbo S Exclusive Series

• ราคาเริ่มต้นประมาณ 34,500,000 บาท*
• เครื่องยนต์ขนาด 6 สูบ แบนทวินเทอร์โบชาร์จ ขนาด 3.8 ลิตร ให้กำลัง 607 แรงม้า
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที
• ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม.

2. Porsche 911 GT3 RS

Porsche 911 GT3 RS ถือเป็นรถปอร์เช่ราคาแพงที่สุดอันดับสองในลิสต์นี้ ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นเพื่อเน้นใช้ขับในสนามแข่งโดยเฉพาะ ด้านการออกแบบ ตัวรถมีการลดน้ำหนักให้เบาลงด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เสริมแรงพลาสติก (CFRP) ในหลายส่วน เช่น ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงท้าย กันชน และโครงเบาะนั่ง อีกทั้งยังมีระบบแอโรไดนามิกที่ล้ำสมัย ประกอบด้วย สปอยเลอร์หน้าขนาดใหญ่ ช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงหน้า ซุ้มล้อหน้าที่กว้างขึ้น ปีกหลังขนาดใหญ่ และดิฟฟิวเซอร์ใต้กันชนหลัง ระบบเหล่านี้ช่วยสร้างแรงกด downforce ลงสู่พื้นถนน ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน และช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้แม่นยำมากขึ้น

สเปกและราคาของ Porsche 911 GT3 RS

• ราคาเริ่มต้นประมาณ 27,200,000 บาท*
• เครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ naturally aspirated ขนาด 4.0 ลิตร ให้กำลัง 520 แรงม้า
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.2 วินาที
• ความเร็วสูงสุด 296 กม./ชม.

3. Porsche Taycan Turbo S

Porsche Taycan ถือเป็นรถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นแรกที่ Porsche เดินสายผลิต โดยตัวรถได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบหรู โฉบเฉี่ยวและมีความทันสมัย แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความคลาสสิคและคงเอกลักษณ์ของ Porsche 911 ไว้ได้อย่างลงตัว ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีล้ำสมัยไว้มากมาย ซึ่ง Porsche Taycan Turbo S นั้น ถือเป็นรุ่นย่อยปอร์เช่ราคาแพงที่สุดของไลน์ผลิตนี้เลยทีเดียว

สเปกและราคาของ Porsche Taycan Turbo S

• ราคาเริ่มต้นประมาณ 18,400,000 บาท*
• มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลัง 761 แรงม้า
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที
• ระยะทางวิ่งสูงสุด 412 กม.

4. Porsche Panamera Turbo S E-Hybrid

Porsche Panamera Turbo S E-Hybrid เป็นรถสปอร์ต 4 ประตูที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และสมรรถนะอันทรงพลังเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว Panamera มีดีไซน์ภายนอกที่ดูเรียบหรู โฉบเฉี่ยว สปอร์ต และทันสมัย ตัวรถเปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 ได้รับการพัฒนาและขัดเกลาศักยภาพเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 

สเปกและราคาของ Porsche Panamera Turbo S E-Hybrid

• ราคาเริ่มต้นประมาณ 17,300,000 บาท*
• เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 689 แรงม้า
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที
• ระยะทางวิ่งสูงสุด 50 กม. (โดยใช้พลังงานไฟฟ้า)

5. Porsche Cayenne Turbo S E-Hybrid coupe

ภาพจาก drives.today

Porsche Cayenne Turbo S E-Hybrid เป็นรถ SUV ไฮบริดตัวท็อปที่ทรงพลังและหรูหราที่สุดในตลาด ซึ่งรุ่นย่อย Cayenne นั้น เป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Porsche ที่ไม่ใช่รถสปอร์ต ถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ตัวรถมีดีไซน์ภายนอกที่ดูเรียบหรู ทันสมัยและมีความสปอร์ตอยู่อย่างชัดเจน ส่วนภายในมีการออกแบบที่เน้นความหรูหราและความสะดวกสบายเป็นหลัก เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างครบครัน

สเปกและราคาของ Porsche Cayenne Turbo S E-Hybrid coupe

• ราคาเริ่มต้นประมาณ 16,300,000 บาท*
• เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 680 แรงม้า
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที
• ระยะทางวิ่งสูงสุด 48 กม. (โดยใช้พลังงานไฟฟ้า)

*หมายเหตุ: ราคารถยนต์อาจมีการคลาดเคลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คุณสามารถเช็กราคารถได้โดยตรงบนเว็บไซต์ทางการ Porsche Thailand

อย่างที่ทราบกันว่ารถ Porsche นั้น ถือเป็นรถสปอร์ตที่มีดีไซน์ภายนอกสวยและเป็นเอกลักษณ์แทบทุกรุ่น ทำให้หลายคนที่ชื่นชอบต้องเก็บสะสมไว้หลายคัน ส่งผลให้บางคันต้องจอดทิ้งไว้นานเพราะไม่มีเวลานำออกไปขับ ซึ่งการจอดรถทิ้งไว้นานนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมได้ พอถึงเวลาจะใช้รถก็สตาร์ทไม่ติดแล้ว ต้องเรียกรถสไลด์เข้าศูนย์เสียทั้งเงิน เวลา และอารมณ์โดยใช่เหตุ! เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาน่าปวดหัวนี้เกิดขึ้น เราขอแนะนำวิธีดูแลแบตเตอรี่ที่ทำให้รถทุกคันในการาจของคุณ พร้อมใช้งานตลอดเวลา ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK จากสวีเดน!

ปกป้องแบตเตอรี่รถปอร์เช่ราคาแพงที่สุดของคุณด้วย CTEK CS ONE เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ที่ใช้ง่ายที่สุด

ไม่ว่ารถ Porsche ของคุณจะแพงแค่ไหน จะเป็นรถไฟฟ้า รถไฮบริด หรือเครื่องยนต์สันดาป แต่ถ้าจอดทิ้งไว้นานเมื่อไหร่ แบตเตอรี่ก็สามารถเสื่อมสภาพได้เหมือนกันหมด เพราะปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับรถทุกคันทุกประเภท โดยเฉพาะรถสายจอดอย่าง รถสปอร์ต บิ๊กไบค์ หรือ Supercar ที่ไม่ได้ถูกนำออกไปขับทุกวัน ดังนั้นเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานเต็มประสิทธิภาพ ก็ควรนำรถออกไปขับบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาเอารถไปวนขับ ก็ใช้ที่ชาร์จแบตรถยนต์ CTEK จากสวีเดน คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่ตลอดในเวลาที่ไม่ได้ขับ เพราะแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุดคือแบตเตอรี่ที่มีไฟเต็มอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

Porsche และแบรนด์รถยนต์ชั้นนำต่างไว้วางใจ CTEK

CTEK จากสวีเดน ไม่เหมือนเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ทั่วไปตามท้องตลาด เพราะ CTEK เป็นผู้นำด้านการชาร์จแบตเตอรี่ เจ้าของลิขสิทธิ์การชาร์จแบตเตอรี่ 8 ขั้นตอน ปลอดภัยต่อแบตเตอรี่ ตัวรถ และผู้ใช้งาน จึงได้รับความไว้วางใจให้ผลิตเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Porsche และบริษัทรถยนต์ชั้นนำอื่น ๆ มากที่สุดในโลก หากคุณมีรถ Porsche ต้องชาร์จแบตเตอรี่ด้วย CTEK CS ONE เท่านั้น เพราะ

CTEK CS ONE มี Option สาย Adapter เสียบกับ Power Socket 12V ตรงที่วางเท้าฝั่งคนนั่ง ในห้องโดยสาร Porsche ของคุณได้เลย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเปิดฝากระโปรงรถเพื่อหาแบตเตอรี่ให้ยุ่งยาก
รองรับทั้งแบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด และลิเธียม CTEK CS ONE จะเลือกโหมดการชาร์จให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่ได้อัตโนมัติ 
ไม่ต้องกดปุ่มอะไรเลย CTEK CS ONE จะจัดการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มประสิทธิภาพ และปลอดภัยไร้กังวลที่สุด

การทำงานของ CTEK นั้น จะชาร์จไฟด้วยกระแสสูงสุดให้เต็มถึง 80% หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดกระแสลงพร้อมตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม 100% เพื่อป้องกันแบตเตอรี่ Overcharge ทำให้เราสามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือนโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย สะดวก ไม่ต้องเฝ้า ไม่ต้องคอยสตาร์ทหรือเอารถไปวนขับให้สิ้นเปลืองน้ำมันอีกต่อไป แต่ถ้าชาร์จแล้วไฟไม่เข้าแสดงว่าแบตเริ่มเสื่อม ต้องเปลี่ยนแบตใหม่ซึ่งราคาแพงหลักแสน ฉะนั้นรีบใช้ CTEK ก่อนสาย! ยิ่งเป็นแบตใหม่ยิ่งต้องรีบใช้ก่อนที่จะแก้ไขไม่ได้อีก

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: press.porsche.com